ผักกระเฉด ผักสมุนไพร มากมายด้วยวิตามิน

 บำรุงกระดูกและฟัน, บำรุงสายตา, พืชสมุนไพร  ปิดความเห็น บน ผักกระเฉด ผักสมุนไพร มากมายด้วยวิตามิน
พ.ย. 072012
 

เวลาที่คุณไปทานยำวุ้นเส้นเจ้าประจำ คุณจะบอกให้เขาใส่อะไรบ้าง แน่นอนล่ะ กุ้งปลาหมึก หมูยอก็ว่ากันไป แต่ถ้าเป็นผักล่ะจะใส่อะไรดี แน่นอน ผักที่ขาดไม่ได้เลยคือผักกระเฉด ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงผักกระเฉดกันนะครับ ซึ่งถือว่าเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของไทยที่แพร่หลายมากมายเลยทีเดียว

มารู้จักชื่อเสียงเรียงนาม และลักษณะของผักกระเฉดกันก่อน

ผักกระเฉด

ชื่อทางวิทยาศาสตร์       Neptumia  oleracea Lour. FL.

ชื่อโดยทั่วไป      ผักกระเฉด   Water mimosa  (ดูจากชื่อในภาษาอังกฤษ เห็นคำว่า water นำหน้ารู้แล้วใช่ไหมครับว่าผัก  กระเฉดจะขึ้นที่ไหน?)

ชื่อวงศ์     MIMOSACEAE

ชื่อเรียกตามภูมิภาค         ผักหละหนอง  ผักหนอง ( แม่ฮ่องสอน หรือทางภาคเหนือ )  ผักรู้นอน ( ภาคกลาง  ) ผัดฉีด ( ภาคใต้ ) ผักกระเสดน้ำ (อุดรธานี-ยโสธร หรือภาคอิสาน )

ลักษณะของผักกระเฉด เชื่อว่าทุกคนคงเคยเห็น ในแบบสำเร็จรูปพร้อมทาน แต่ถ้าตอนเก็บล่ะ รู้ไหมเป็นยังไง ?

ลำต้น      ผักกระเฉดถ้าขึ้นบนดิน ก็เป็นพืชคลุมดิน  ลักษณะเป็นไม้เลื้อยเช่นเดียวกับพวกผักบุ้ง เป็นพืชพื้นเมืองของไทยเราและยังพบได้ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่นมาเลเซีย ผักกะเฉดสามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในน้ำ และบนบก แต่ถ้าเจริญเติบโตในน้ำจะพิเศษหน่อยตรงที่จะมีส่วนที่ ทำหน้าที่เป็นทุ่นพยุงเถาให้ลอยน้ำได้เป้นเหมือนทุ่นลอยน้ำภาษาบ้านๆเขาเรียกว่า “นม” หรือทางวิชาการเขาเรียกส่วนนี้ของพืชว่า Aerenchyme

ราก         ผักกระเฉดที่ขึ้นในน้ำ จะมีรากที่เกิดตามข้อที่ทอดไปในน้ำเรียกว่า “หนวด”

ใบ           ลักษณะเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกตามข้อ (ลักษณะคล้ายใบมะขามมากจนตอนเด็กๆผมยังสับสน) โดยใบมีสีเขียว ขอบใบจะเป็นสีม่วง สิ่งที่พิเศษคือใบจะหุบเวลาที่โดนสัมผัสและจะหุบเองในตอนกลางคืน(ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าผักรู้นอน ดั่งที่ครูภาษาไทยสอน แต่ก็ไม่ค่อยมีคนเรียกหรอกเชื่อไหม) รากจะแตกออกเป็นกระจุกตามบริเวณข้อ ดอกและผล       ผักกระเฉดจะออกดอกเป็นช่อกลมสีเหลืองตามซอกใบ ผลจะออกเป็นฝักโค้งงอเล็กน้อย มีเมล็ดด้านในอยู่สี่ถึงสิบเมล็ด

ในผักกระเฉดมีคุณค่าอะไรในนั้นบ้าง

สำหรับคุณค่าทางด้านโภชนาการของผักกระเฉดนั้นมีอยู่มาก แต่พอจะไล่เป็นข้อๆปล้องๆให้ฟังได้ดังนี้

–  ผักกระเฉดมีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งเจ้าวิตามินเอนั้น มีความสำคัญกับตา ช่วยในการมองเห็นโดยเฉพาะภาวะที่มีแสงน้อย นอกจากนั้นวิตามินเอในผักกระเฉด ยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างเป้นปรกติ และที่สำคัญยังในการเจริญโตและ ช่วยในระบบสืบพันธ์ ใครไม่อยากเป็นหมันก็อย่าลืมผักกระเฉดนะครับ

–   ผักกระเฉด มีแคลเซียม ซึ่งเป้นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ป้องกันภาวะกระดูกพรุน อีกทั้งยังทำให้กล้ามเนื้อทำงานเป็นปรกติ

–   ผักกระเฉดมีธาตุเหล็ก ซึ่งธาตุเหล็กนั้นมีความจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือด หากขาดธาตุเหล็ก อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้

สรรพคุณด้านสมุนไพรไทยของผักกระเฉด

นอกจากสรรพคุณด้านโภชนาการแล้ว ผักกระเฉดยังมีสรรพคุณด้านการเป้นสมุนไพรอยู่ด้วย กล่าวคือตามตำราสมุนไพรไทย ผักกระเฉดเป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ถอนพิษเบื่อเมา ป้องกันโรคตับอักเสบ และนอกจากนั้นยังมีสูตรยาโบราณ ที่นำผักกระเฉด ตำผสมกับสุราแล้วหยอดบริเวณฝันที่ปวด ซึ่งเชื่อว่าสามารถบรรเทาอาการปวดฟันได้

การนำผักกระเฉดไปประกอบอาหาร

จริงๆผักกระเฉดทำอาหารได้หลายอย่าง มากกว่าแค่ที่ผมบอกว่าใส่ในยำวุ้นเส้น แล้วแต่เราจำนำไปประยุกต์ หรือทานสดเป็นผักกับน้ำพริกก็ยังได้ ซึ่งทางเว็บเราจะขอข้ามในเรื่องยำผักกระเฉด อาหารที่ทำจากผักกระเฉดสูตรอาหารไป แต่จะแนะนำเคล็ดลับเล็กน้อยในการเลือก โดยควรเลือกผักกระเฉดที่มียอดอ่อน จะกรอบและอร่อย ส่วนเคล็ดลับในการลวกผักกระเฉด คือน้ำต้องเดือด ใส่เกลือเล็กน้อย และสำคัญที่สุดคือห้ามลวกนาน เพราะผักกระเฉดจะเหนียว ถ้าจะให้ดีลวกแล้วควรตักใส่น้ำเย้นจัดทันที หรือเอาน้ำแข็งโปะก็ได้ ผักกระเฉดจะกรอบและอร่อยมากๆ

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวน่ารู้ของผักทสมุนไพรที่ได้ชื่อว่าอุดมไปด้วยวิตามินอย่างผักกระเฉด

ขอขอบคุณข้อมุลจาก หนังสือ อาณาจจักรพืชผัก สมุนไพรสร้างสมอง , ไทย wikipedia และเว็บ the-than.com

ผักผลไม้ 5 สี มีดีอย่างไร

 ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย  ปิดความเห็น บน ผักผลไม้ 5 สี มีดีอย่างไร
พ.ย. 052012
 

วันนี้ผมเองได้มีโอกาศพาคุณแฟน ไปทานสุกี้้ด้วยกันที่ร้านแห่งหนึ่ง ขอไม่ระบุชื่อร้าน เพราะไม่ได้ค่าโฆษณา แต่ถ้าท่านเจ้าของร้านอักษรย่อ ฮ.พ.อยากให้ระบุก็บอกนะครับ ไม่คิดเงิน แค่ทานฟรีสัก 1 ปี  ชักจะไหลลงทะเลไปเรื่อยเข้าเรื่องดีกว่า ที่ผมเกริ่นมาแบบนี้ไม่ได้จะรีวิวอาหารแต่อย่างใดเพราะคงไม่เกี่ยวกับเว็บด้านสมุนไพรอย่างเว็บเรา แต่สิ่งที่เกี่ยวเป็นเรื่องของกระดาษรองจาน ใช่ครับผมพูดไม่ผิด คือว่ากระดาษรองจานของที่ร้านนี้ได้ทำขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งได้พูดถึงคุณประโยชน์ของ “ผักผลไม้ 5 สี” เห็นแล้วน่าสนใจดีจึงได้หาข้อมูลเพิ่มเติม    แต่จริงๆผมว่าคำว่าผักผลไม้ 5 สี หลายคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วล่ะ โดยเฉพาะในช่วงหนึ่งที่บริษัทขายตรงรายใหญ่ ได้เอาเรื่องนี้มาโฆษณา แต่เพื่อความกระจ่างและความชัดเจนมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามาเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ ว่า..พืชผักผลไม้ 5 สีมีดีอย่างไร ? และทำไมต้อง 5 สี 7สีได้ไหม? ทุกคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เรามีคำตอบครับผักและผลไม้5สี

Q: ทำไมต้อง 5 สี (5สี มีที่มาอย่างไร)

A: จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ คือมีคนได้ลองจัดกลุ่มของผัก ผลไม้ที่พบในชีวิตประจำวัน พบว่าหากจัดเป็นกลุ่ม ตามสีภายนอก จะได้กลุ่มหลักใหญ่ๆทั้งหมด 5 กลุ่มอันได้แก่ สีแดง สีขาว สีเหลือง(ส้ม) สีขียว และสีม่วง จึงเป็นที่มาของขบวนการ 5 สีโกเรนเจอร์ แต่ถามว่าสีอื่นๆล่ะมีไหม ตอบว่ามีครับแต่จะถูกจัดเข้ากลุ่มสีอื่นๆโดยปริยาย เช่น สีดำ ซึ่งไม่ค่อยจะมีพรรคมีพวก ก็จะถูกจัดไปอยู่กับสีม่วง แต่มันก็เป็นส่วนน้อยจริงๆ ดังนั้นจึงจัดได้กลุ่มใหญ่ๆเป็น 5 สี แถมแต่ละสีเมื่อศึกษาลงลึกไปอีกจะพบว่ามีสารอาหาร หรือแร่ธาตุที่แตกต่างกัน

Q:แต่ละสี มีสารอาหารอะไรบ้าง และมีคุณค่าในด้านสมุนไพรอย่างไร

A: แตกต่างครับ ถ้าจะตอบคงยาวแต่เพื่อแฟนๆเว็บเรา เราทำได้อยู่แล้วผมจะขอไล่ทีละสีนะครับ

ผักและผลไม้ที่มีสีแดงสีแดง พืชผักผลไม้ที่มีสีแดงก็พวก แอปเปิ้ล สตอรเบอรี่  ซึ่งจะมีมีสารแอนโธโซยานิน (anthocyanin) และมีเม็ดสีในกลุ่มฟลาวนอยด์ จึงทำให้ผลไม้เหล่านี้มีสีแดงสดใสน่ารับประทาน และนอกจากนั้นยังมีสารไลโคปีน(lycopene)ซึ่งมีคุณสมบัติด้านสมุนไพรสำคัญคือ  ช่วยยั้บยั้งและป้องกัน การเกิดมะเร็ง ในต่อมลูกหมากได้   และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์  ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง  ให้วิตามินซีสูง ช่วยป้องกัโรคเลือดออกตามไรฟัน  ช่วย ระบบขับถ่าย ปัสสาวะอักเสบ  และช่วยในเรื่องความจำ

สีเขียว สีนี้พบมากที่สุดโดยเฉพาะในผักต่างๆ เช่นพวกผักคะน้า ผลไม้ที่ทานได้ทั้งเปลือกเช่นฝรั่ง ชมพู่เขียว โดยจะมีสารออกฤทธิ์ในพืช เช่น ลูทีนผักและผลไม้ที่มีสีเขียว (lutein) อินโคเลส ซีแซนทีน และวิตามินเค รวมทั้งมีคลอโรฟิล (chlorophyll)ซึ่งสารเหล่านี้มีสรรพคุณด้านสมุนไพรที่สำคัญคือทำหน้าที่ในการจับออกซิเจนเพื่อพาไปยังเนื้อเยื่อหรือเซลล์ต่างๆในร่างกาย  ช่วยในการสร้างพลังงาน ช่วยกำจัดสารตกค้างในร่างกาย ลดการสะสมของสารพิษ  บำรุงสายตา

ผักและผลไม้ที่มีสีม่วงสีน้ำเงินหรือม่วง ถ้าในยกตัวอย่างในผักก็พวกกะหล่ำม่วง องุ่น โดยจะมีแอนโธไซยานิน (anthocyanin) และ ฟิโนลิค (phenolic) สรพพคุณด้านสมุนไพรคือช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ เสริมสร้างการทำงานของสมอง ลดการอักเสบของผิว และแอนดีออกซิเดนท์จับสารอนุมูลอิสระ มีอัลฟาและเบต้าแคโรทีน ป้องกันมะเร็ง และเสริมสร้างวิตามินซี และสารฟลาวโวนอยด์ ป้องกันมะเร็ง และหลอดเลือดหัวใจ
ลดความเสี่ยงต่อการโรคหัวใจ มะเร็ง และอัลไซเมอร์  ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายปัสสาวะ ช่วยเรื่องความจำ  ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์  ช่วยในการมองเห็น  และยังสามารถป้องกันมะเร็งบางชนิด

สีขาว จะพบได้ในผักบางชนิดเช่นผักกาดขาว  ผลไม้ที่มีเนื้อสีขาว ยกตัวอย่างก็พวกมังคุด ลำไย กล้วย อุดมไปด้วย อัลลิซีน (allicin) ซึ่งจะช่วยผักและผลไม้ที่มีสีขาวยับยั้งการเกิดมะเร็งบางชนิด  ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย  ลดคอเลสเตอรอล และยังควบคุมความดันเลือด

ผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองสีหลืองหรือสีส้ม เอาแบบเห็นชัดหน่อยก็พวกแครอท ส้ม โดยพืชพวกนี้ มีเบต้าแคโรทีน( beta carotene )และเบต้าคริพโทแซนทิน (beta cryptoxanthin)ในระดับที่สูงสูง เมื่อเข้าสู่ร่างกาย แล้วจะแปรเปลี่ยนเป็น วิตามินเอ ซึ่งมีสารแคโรทีนนอยด์ (carotenoid)  ช่วยบำรุงสายตา  ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดและลำไส้ เสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท  ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันประสาทตาเสื่อม ช่วยบำรุงผิวพรรณ

Q:ถ้าพืชมีสองสีในหนึ่งเดียวล่ะจะนับว่าพืชชนิดนั้นเป็นพืชสมุนไพรในกลุ่มสีอะไร

A:  ผักหรือผลไม้เขาจะแบ่งสีโดยนับที่ส่วนที่กินได้ครับ เช่นลิ้นจี่เปลือกสีแดง แต่เนื้อในขาว อันนี้จะถูกจัดเป็นสีขาวนะครับไม่ใช่สีแดงเหมือนพวกสตอร์เบอรี่  หรือแตงโมเปลือกเขียวแต่เนื้อแดงก็ถูกจัดเป็นสีแดง แต่ถ้าก้ำกึ่งเช่นฝรั่ง เนื้อในมีสีขาว เปลือกสีเขียวก็จะถูกจัดเป็นทั้งสองสี เข้าได้กับทุกขั้วการเมือง

Q: จำเป็นหรือไม่ที่ทุกมื้อต้องทานให้ได้ 5 สี เพราะเห็นหลายคนบอกว่าจำเป็น

A:  ตอบแบบวิชาการหน่อยคือทำได้ก็ดี แต่ถ้าตอบแบบความเป็นจริงคือทุกคนคงทำได้ยาก ที่มื้อหนึ่งเราจะทานผักผลไม้ครบ 5 สี ฉะนั้นไม่ต้องคิดมาก ถึงขนาดต้องไปซื้ออาหารเสริมสารสกัด5สี มาทาน ทานมื้อนี้ได้สีเขียวกับขาว มื้อหน้าได้สีเหลือง วันมะรืนได้สีแดง อันนี้ผมก็ถือว่าโอเคแล้ว ค่อยๆสะสมไปเหมือนสะสมแสตมป์เซเว่น เดี๋ยวก็ครบ 400 ดวงแลกเก้าอี้ได้ เอ๊ยไม่ใช่เดี๋ยวก็ได้คุณค่าครบถ้วนเอง หลักการทานง่ายๆที่ทำให้ได้สารอาหารครบถ้วนที่อยากฝากไว้คือคือ “ทานอาหารให้หลากหลาย” ลองชิมของแปลกๆใหม่ๆบ้าง จะดีต่อชีวิตเรา ไม่ใช่รู้ว่าส้มดี จะทานแต่ส้มทุกมื้อ ต้องหาอะไรมาสับเปลี่ยนบ้าง ไม่งั้นพืชผักสมุนไพรอื่นๆน้อยใจแย่เลย

เป็นไงครับกับบทความในวันนี้ ถ้าชอบก็กดไลค์หรือ comment กันมาได้นะครับ ผมสัญญาจะผลิตบทความดีๆด้านสมุนไพรมาให้ทุกคนติดตามเรื่อยๆ

ขอขอบคุณภาพประกอบสวยๆจาก www.rainbowcolors.org  , wikipedia , และกระดาษรองจานร้านสุกี้อักษรย่อ ฮ.พ. ที่ให้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้  หากท่านใดประสงค์นำบทความนี้ไปลงที่ web อื่น ผมไม่หวง แต่รบกวนใส่ลิ้งค์กลับมาที่  http://ไทยสมุนไพร.net  ด้วยนะครับ

 

พ.ย. 022012
 

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว ไทยสมุนไพร.net วันนี้ก็เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้ว รู้สึกอากาศก็เริ่มจะเย็นลง(นิดหน่อย) เพราะใกล้เข้าสู่หน้าหนาว พอพูดถึงหน้าหนาว สิ่งหนึ่งที่จะช่วยคลายหนาวลงได้นอกจากผ้าห่มและคนรู้ใจ หลายคนก็คงนึกไปถึง เครื่องดื่มร้อนๆสักถ้วย ที่จะพอแก้หนาว เพิ่มความรู้สึกสดชื่น อาจจะเป็นชา หรือกาแฟก็ตามสะดวกนะครับ แต่วันนี้เว็บของเราเองก็มีทางเลือกดีๆทางเลือกหนึ่งมาฝากทุกท่านเช่นกัน เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่ให้อารมณ์เหมือนดื่มชา แต่แตกต่างตรงที่ชาที่ผมจะแนะนำ นั้นไร้ซึ่งคาเฟอีน แถมมีสรรพคุณด้านสมุนไพรไทย อีกต่างหาก ซึ่งเครื่องดื่มชนิดนั้นคือชาจาก ดอกคำฝอย นั่นเองครับ   ก่อนจะพูดถึงสรรพคุณ แน่นอนต้องมารู้จักชื่อเสียงเรียงนามรูปร่างหน้าตาของพืชชนิดนี้กันก่อน

ดอกคำฝอยชื่อวิทยาศาสตร์  Carthamus tinetorius L.

ชื่อวงศ์   Compositae

ชื่อโดยทั่วไป   คำฝอย หรือ Safflower,False Saffron ,Saffron Thistle (จะสังเกตว่าชื่อในภาษาอังกฤษมักมีคำว่า Saffron ซึ่งคำว่า Saffron นี้แปลว่า สีเหลืองอมส้ม  ซึ่งบอกถึงลักษณะสีของดอกคำฝอยได้เป้นอย่างดี)

ชื่ออื่นๆตามแต่ละภูมิภาค  ดอกคำ (ภาคเหนือ) ,คำยอง (ลำปาง) ภาคอื่นๆจะไม่มีชื่อเฉพาะนะครับ

ลักษณะของต้นคำฝอย

เป็นไม้ที่สู้ไม่ถอย (ไม้ล้มลุก) สูงประมาณ 40-130 เซนติเมตร ขอบใบหยักเป็ลักษณะคล้ายฟันเลื่อย ปลายจะแหลม ปลูกง่าย ชอบอากาศเย็น มักขึ้นทางภาคเหนือของประเทศ

สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทย

ดอก มีรสหวาน สรรพคุณบำรุงโลหิต  บำรุงหัวใจ บำรุงระบบประสาท ขับประจำเดือน และที่สำคัญที่ทำให่ดอกคำฝอยเป็นที่นิยมคือสรรพคุณในการ ลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตัน    นอกจากนั้นในดอกแก่ยังใช้ทำเป็นสีในการปรุงแต่งอาหาร โดยวิธีการจะนำดอกที่แก่มาชงกับน้ำร้อน แล้วกรองจะได้สีเหลืองเข้ม นำไปผสมอาหารเช่นขนม โดยใช้ในปริมาณที่เหมาะสม นับว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

เกสร  บำรุงโลหิต  ช่วยในเรื่องประจำเดือนของสตรี

เมล็ด  มีสรรพคุณด้านสมุนไพรในการขับเสมหะ แก้โรคผิวหนัง หรือนำมาบด ทาแก้บวม

สูตรชาจากดอกคำฝอย

นำดอกคำฝอยไปตากให้แห้ง นำไปชงกับน้ำร้อนในอัตราส่วน ดอกคำฝอยสองช้อนโต๊ะ ต่อน้ำหนึ่งแก้ว จะได้ชาดอกคำฝอยกลิ่นหอมน่ารับประทาน  แต่ถ้าใครเห็นว่าชาดอกคำฝอยเป็นเรื่องยุ่งยาก (หรือไม่รู้จะหาต้นคำฝอยได้ที่ไหน) เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องไม่ยากเลยครับ เพราะดอกคำฝอยเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่คนนิยมนำมาแปรรูปขาย สามรถซื้อดอกคำฝอยที่ตากแห้งพร้อมชง ได้ตามร้าน OTOP ต่างๆ ตามห้างสรรพสินค้าก็มีให้เห็นบ่อยๆ แม้กระทั่งในเซเว่น(บางสาขา) ยังมีให้เห็นด้วยซ้ำ ยังไงก็ลองหามาทานดูได้  สุดท้ายช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือสมุนไพรใกล้ตัว ตู้ยาข้างบ้าน (รูปภาพจาก blog Lovesbody)

ที่สุดแห่งสมุนไพรล้างสารพิษ 15 ชนิด:ตอนที่ 2

 ขับสารพิษในร่างกาย, ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย  ปิดความเห็น บน ที่สุดแห่งสมุนไพรล้างสารพิษ 15 ชนิด:ตอนที่ 2
ต.ค. 312012
 

จากตอนที่แล้ว (ที่สุดแห่งสมุนไพรล้างสารพิษ 15 ชนิด:ตอนที่ 1) ที่ได้กล่าวถึงสมุนไพรที่ใช้ล้างสารพิษเจ็ดชนิดแรกไป วันนี้จึงขอต่อในส่วนที่สองซึ่งเป็นสมุนไพร ที่มีประโยชน์ไม่แพ้สมุนไพรที่ได้กล่าวถึงในตอนที่แล้ว มาดูกันเลยครับ

กระเจี๊ยบเขียว8. กระเจี๊ยบเขียว  กระเจี๊ยบเขียวนั้นเป็นสมุนไพรไทย ที่จัดได้ว่ามีเส้นใยที่มีคุณสมบัติในการละลายน้ำ ช่วยดูดซับสารพิษที่ขับถ่ายออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่เหลือสารพิาตกค้างในลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน ลดระดับคอเรสเตอรอล มีส่วนป้องกันมะเร็ง มีสารที่ช่วยขับพยาธิตัวจี๊ด รักษาโรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ นอกจากนั้น ในกระเจี๊ยบเขียวยังมีแคลเซียม ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน  ประโยชน์เยอะดีไหม ลองหามาทานดูได้นะครับ ส่วนใหญ่เขสนิยมนำมาลวกเป็นผักทานกับน้ำพริก

9.มะเขือพวง เป็นสมุนไพรที่จัดว่า มีวิตามินซีสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีไฟเบอร์ช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร ช่วยจับไขมันอิ่มตัว และกำจัดของมะเขือพวงเสียออกจากระบบขับถ่ายด้วยเป็นอย่างดี  รู้คุณค่าอย่างนี้แล้ว เวลาทานน้ำพริกกระปิ หรือพวกแพนง ก็อย่าตักมะเขือพวงทิ้งนะครับ

แอปเปิ้ล10.แอปเปิ้ล ตัวแอปเปิ้ลนั้นจัดว่าเป็นผลไม้ที่หาทานได้ง่าย มีคุณสมบัติในการขจัดของเสียออกนอกร่างกาย มีเส้นใยมากช่วยทำความสะอาดลำไส้ ช่วยให้ตับและระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นน้ำย่อย และแอปเปิ้ลยังเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่

11.ทับทิม  ทับทิมนั้นเป็นพืชสมุนไพร ที่มีไฟเบอร์สูง มีสารแอสไพริน ซึ่งช่วยรักษาอาการอักเสบและแก้ปวด ช่วยในทับทิม สมุนไพรไทยกระบานการขับถ้่ายของเสีย ช่วยล้างสารพิษ และลดการติดเชื้อภายในร่างกายได้ (สนใจเรื่องราวของทับทิมแบบละเอียด อ่านได้ที่บทความ  “ทับทิม ผลไม้สมุนไพร มากประโยชน์“)

มะละกอ12.มะละกอ ในมะละกอนั้นมีเอนไซม์ปาเปน ช่วยทำให้ของเสียที่อยู่ในรูปของโปรตีนแตกตัวเร็ว ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และมีส่วนในการช่วยย่อยอาหาร  สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับมะลอกอมีอีกมาก ลองอ่านดูในบทความนี้ดูนะครับ “มะละกอ มากคุณค่า แต่มาจากแดนไกล

13.แตงโม สำหรับแตงโมในทางสมุนไพรไทยแล้วนั้น มีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ ฟอกล้างร่างกาย ใช้รักษาแผลในกระเพาะ ลดความดันโลหิตได้แตงโม ทำให้สบายท้อง อ้ออีกอย่างเปลือกแตงโมอุดมด้วยครอโรฟิลล์ และเมล็ดแตงโม มีวิตามินมากอีกด้วย

 

มะขามป้อม14.มะขามป้อม มะขามป้อมนั้นเป็นพืชที่มีวิตามินซีสูงมากมาก ซึ่งวิตามินซีจัดว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ ]ลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง  อีกทั้งมะขามป้อมยังเป็นยาแก้ไอ แก้กระหายน้ำ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ  และที่สำคัญที่สุดในการล้างสารพิษ มะขามป้อมนั้นมีงานวิจัยว่าสามารถแก้พิษของสารตะกั่วได้ สำหรับสรรพคุณด้านอื่นๆของมะขามป้อมยังมีอีกมาก อ่านเพิ่มเติมได้ที่ บทความ “มะขามป้อม ชุ่มคอ ชื่นใจ

15.รางจืด และแล้วก็มาถึงพืชสมุนไพรล้างสารพิษชนิดสุดท้าย นั่นก็คือรางจืดนั่นเองรางจืดครับ รางจืดมีคุณสมบัติที่โดเด่นมากในการทำลายพิษยาฆ่าแมลง พิษจากสตริกนิน พิษจากสารเคมีและยาเบื่อชนิดต่างๆ นับว่าเป้นพืชที่อยู่ในกระแสความนิยม จนมีผู้นำไปสกัดเป็นยาสมุนไพร หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพต่างๆเป็นจำนวนมาก  ลองดูข้อมูลของรางจืดเพิ่มเติมที่บทความนี้นะครับ “รางจืด สมุนไพรไทยขับสารพิษ

ทั้งหมดนี้ก็คือสาระดีๆที่เรานำมาฝาก ติดตามเรื่องดีดี ที่เกี่ยวกับสมุนไพรได้ที่นี่เป็นประจำนะครับ อ้อเกือบลืม บทความนี้นำข้อมูลมาจากหนังสือ กินแล้วไม่ป่วย โดยคุณเชิญสิริ เป็นผู้เขียน และนำมาการเรียบเรียงเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่โดย “ไทยสมุนไพร.net”ใครที่นำไปเผยแพร่ต่อรบกวนอย่าลืมลงเครดิต และใส่ link กลับมาที่  http://ไทยสมุนไพร.net ด้วยนะครับ

 

ที่สุดแห่งสมุนไพรล้างสารพิษ 15 ชนิด:ตอนที่ 1

 ขับสารพิษในร่างกาย, ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย  ปิดความเห็น บน ที่สุดแห่งสมุนไพรล้างสารพิษ 15 ชนิด:ตอนที่ 1
ต.ค. 302012
 

วันนี้ทาง เว็บ ไทยสมุนไพร.net มีเรื่องราวดีๆของสมุนไพร ต่างๆมาฝากเช่นเคย แต่สำหรับคราวนี้พิเศษหน่อย เพราะมีสมุนไพรไทย ดีๆมาฝากถึง 15 ชนิด(มากที่สุดเป็นประวัติการ) ซึ่งทั้ง 15 ชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็น สุดยอดแห่งสมุนไพรล้างสารพิษเลยก็ว่าได้
แต่ก่อนอื่น ขออธิบายนิดนึง เผื่อใครยังไม่ชัดเจนว่าสารพิษที่ผมกล่าวไปในย่อหน้าแรก มันมีอะไรบ้าง จริงๆมันก็มีหลายอย่างนะครับ ยิ่งวิถีชีวิตของคนไทยทุกวันนี้ยิ่งมีโอกาศเผชิญกับสารพิษมากขึ้น ง่ายๆ  แค่ออกจากบ้าน ไปตามท้องถนน มลภาวะเช่นควันจากไอเสียก็ถือว่าเป็นสารพิษอย่างหนึ่ง อาหารการกินก็เหมือนกัน ไหนจะยาฆ่าแมลงจากผักต่างๆ ไหนจะโลหะหนักตามอาหารทะเล  พวกสารตกค้างเหล่านี้ก็ถือเป็นสารพิษเหมือนกัน  ในสถานที่ทำงานก็ด้วย ใครที่ได้ทำงานหรือใช้ชีวิต ในภาคอุตสาหกรรมเหมือนอย่างผมเอง ก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่ามีการใช้สารเคมีมากมายหลายชนิด ทั้งหมดเลยเป็นที่มาของบทความวันนี้

เพื่อไม่ให้เสียเวลามาลองดูกันเลยนะครับว่ามีสมุนไพรอะไรบ้าง ซึ่งสมุนไพรหลายชนิดที่เคยเขียนไว้แล้วผมก็จะไม่ลงรายละเอียดมาก และเพื่อไม่ให้เนื้อหายาวจนน่าเบื่อ ขอณุญาตแบ่งบทความนี้เป็นสองตอนนะครับ

ผักหวาน1. ผักหวานบ้าน เคยทานกันบ้างไหมครับ (แถมบ้านผู้เขียนเอง มีเมนูสูดรเด็ด แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง อร่อยมากๆ) ซึ่งผักหวานมีสรรพคุณช่วยแก้พิษ แถมยังสามรถรักษาผดผื่นคันตราผิวหนัง รักษาคางทูม ปวดท้อง ขับลมในกระเพาะไดด้เป็นอย่างดี แถมยังใช้บำรุงเส้นผม บำรุงน้ำนมของคุณแม่หลังคลอดได้อีกด้วย นับว่านอกจากเรื่องสารพิษแล้วยังมีประโยชน์อีกเพียบ

ย่านาง2.ย่านาง  โดยสรุปย่านางเองเป้นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ล้างสารพิษ ปวดท้องจากการทานอาหารผิดสำแดง นอกจากนั้นบางสูตรยังมีการใช้รักษา งูสวัด แก้ผมผื่นคัน บำรุงร่างกายอีกด้วย ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ เช่นเครื่องดื่มสมุนไพรจากน่ายางมาขายอยู่บ้าง แต่จริงๆการคั้นเอาน้ำมาไว้ทานเองก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่ประการใด

สมอไทย3.สมอไทย สมุนไพรไทยชนิดนี้มีฤทธิ์ในการกำจัดสารพิษ ออกจากร่างกาย และนอกจากนั้นยังรักษาโรคหลายชนิด ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย (โดยมีสารแทนนินที่อยู่ในนั้นเป็นตัวชูโรง ) ใช้แก้จุกเสียดแน่นท้อง รักษาโรคเหงือกและฟัน แถมยังเป็นยาระบายอ่อนๆได้ดีอีกด้วย

4.หัวหอม(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความเรื่อง “หอม สมุนไพรไทยที่ไม่ใช่แค่โรยหน้า “) โดยหัวหอมมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก ใช้ต่อต้านมะเร็งหลายชนิด ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยลดระดับของคอเรสเตอรอลในร่งกาย ซึ่งสามรถป้องกันโรคหัวใจได้ นอกจากนั้นยังช่วยรักษาโรคหอบหืด โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และโรคเบาหวาน

มะนาว

5.มะนาว  ซึ่งมะนาวนั้นเป็นสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูง ช่วยขับสารพิษจากตับ ว่ากันว่า การดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นหลังตื่นนอน จะช่วยล้างสารพิษในเลือดได้(ระเด็นนี้อาขต้องรองานวิจัยเพิ่มเติมก่อนนะครับ) นอกจากนั้นการดื่มน้ำมะนาวสดผสมโยเกิร์ตและน้ำผึ่ง ยังสามารถ ล้างพิาในลำไส้ป้องกันท้องผูกได้อีกด้วย (อย่าลืมว่าระบบขับถ่ายก็เป้นรูปแบบการขจัดสารพิษในร่างกายอีกหนึ่งรูปแบบ)  อ้อเกือบลืมใครว่างๆ ก็คลิ๊กเข้าไปดูวีดีโอความรู้เกี่ยวกับมะนาวได้ที่  วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัว ตอน มะกรูด มะนาว

ขึ้นฉ่าย6.ขึ้นฉ่าย ในขึ้นฉ่ายนั้นมีสารต้านมะเร็ง ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยลดความดันโลหิต และบางงานวิจัยบอกว่ามีส่วนช่วยขับของเสียจากบุหรี่ หรือคนที่ได้รับควันบุหรี่ด้วย (แต่อย่าคิดว่าสูบบุหรี่แล้วทานขึ้นฉ่ายตามจะปลอดภัยจากโรคต่างๆนะครับ การขับสารพิษขับทำได้แค่บางส่วน การงด การเลิกสูบุหรี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่สุดเพื่อสุขภาพ อย่าคิดว่ามันเลิกยากของแบบนี้อยู่ที่ใจเรามากกว่า พ่อของผู้เขียนท่านสูบบุหรี่มาเกือบ 30 ปี ท่านยังเลิกได้ภายในสัปดาห์เดียว

กะหล่ำปลี ลักษณะใบของกะหล่ำปลี หรือที่คนชอบเรียก ดอกกะหล่ำ7.กะหล่ำ มีสารต้านอนุมุล อิสระช่วยต่อต้านมะเร็งได้ และยังช่วยตับขับฮอร์โมนทีมากเกินไป โดยเฉพาะฮอร์โมนความเครียดที่มีผลต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและป้องกันโรคกระเพาะอาหารได้ด้วย (อ่านเรื่องราวของกะหล่ำได้ที่บทความ ” กะหล่ำปลี พืชดีๆที่ควรรู้จัก” )

ตอนแรกขอนำเสนอแค่เจ็ดชนิดก่อนนะครับ เดี๋ยวมาต่อกันกับสมุนไพรไทยอีกแปดชนิดที่เหลือกัน ในตอนหน้านะครับ
  • บทความนี้นำข้อมูลมาจากหนังสือ กินแล้วไม่ป่วย โดยคุณเชิญสิริ เป็นผู้เขียน และนำมาการเรียบเรียงเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่โดย “ไทยสมุนไพร.net”ใครที่นำไปเผยแพร่ต่อรบกวนอย่าลืมลงเครดิต และใส่ link กลับมาที่  http://ไทยสมุนไพร.net ด้วยนะครับหากใครไม่ทำตามจะไม่มีการฟ้องร้องใดใด แต่แค่จะใช้วิธีการแบบไทยไทยคือการแช่งให้ท้องเสียแค่นั้นเอง

วีดีโอสมุนไพรใกล้ตัว ตอน เสลดพังพอน

 วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพร  ปิดความเห็น บน วีดีโอสมุนไพรใกล้ตัว ตอน เสลดพังพอน
ต.ค. 302012
 
วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพรไทย

หากพูดถึงเสลดพังพอน ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้าง โดยเฉพาะสรรพคุณในด้านการแก้พิษต่างๆ โดยจะพบเรื่องราวของเสลดพังพอนอยู่ใน ตำรับยาสมุนไพรอยู่เสมอ สำหรับคลิปวีดีโอนี้เองได้รับความอนุเคราะห์จากกรมการแพทย์แผนไทย ที่จะมาให้ความรู้ความเข้าใจแก่เราเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเสลดพังพอน  มาดูกันว่าพืชสมุนไพรไทยชนิดนี้มีดีอย่างไร

ขอบคุณกรมการแพทย์แผนไทยสำหรับสาระดี

วีดีโอเรื่อง สมุนไพรแก้อาการท้องอืด

 วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพร  ปิดความเห็น บน วีดีโอเรื่อง สมุนไพรแก้อาการท้องอืด
ต.ค. 302012
 
วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพรไทย

วันนี้ทางเว็บไทยสมุนไพรดอทเนท ของเรามีวีดีโอความรู้ดีๆมาฝากเช่นเคย สำหรับวีดีโอในตอนนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากกรมการแพทย์แผนไทย เป็นเรื่องราวของสมุนไพรไทยที่ใช้แก้อการท้องอืด ซึ่งอาการท้องอืดนั้นเป็นอาการที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ถึงแม้จะไม่ใช่โรคหรืออาการร้ายแรงอะไ แต่มันก็อาจสร้างความรำคาญและเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ มาดูกันนะครับว่าจะใช้สมุนไพรตัวไหน บำบัดอาการนี้ได้บ้าง

ขอขอบคุณกรมการแพทย์แผนไทยอีกครั้งสำหรับความรู้ดีๆ

บอระเพ็ด สุดยอดยาอายุวัฒนะ

 พืชสมุนไพร, ยาอายุวัฒนะ, ลดไข้  ปิดความเห็น บน บอระเพ็ด สุดยอดยาอายุวัฒนะ
ต.ค. 272012
 

สมุนไพรไทยของเรามีอยู่หลายชนิด วันนี้เรามีสมุนไพรชนิดหนึ่งมาแนะนำ เป็นสมุนไพรที่แค่ได้ยินชื่อหลายคนอาจเข็ดขยาดกับความขมของมัน พืชชนิดนั้นคือ บอระเพ็ดนั่นเองครับ แต่ภายในความขมของบอระเพ็ดนั้น แฝงด้วยสรรพคุณหลายๆอย่างโดยเฉพาะสรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทย ถ้าไม่เชื่อมาลองดูกัน

บอระเพ็ดชื่อวิทยาศาสตร์  Tinospora crispa (L.)Miers ex Hook.f.& Thomson  ชื่อยาวมาก ไว้วันหลังจะพูดถึงหลักการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชสมุนไพรไพรไทย
และพืชอื่นๆให้ฟังนะครับ)
เป็นพืชวงศ์          Menispermaceae
ชื่ออื่นๆตามภูมิภาค   เถาหัวด้วน (ภาคกลางแถวสระบุรี) หางหนู จุ่มจะลิง (ภาคเหนือ) เจตมูลหนาม(ภาคอิสาน หนองคาย) เครือกอฮอร์ (ภาคอิสาน อุดรธานี)

ลักษณะทั่วไปของบอระเพ็ด
เป็นไม้เถาเลื้อย เถาค่อนข้างกลมขนาดของเถาเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร โดยจะมีปุ่มรอบๆเถาสีดำ รสขมมาก(มากแบบมากจริงๆนะครับ) ใบของบอระเพ็ดเป็นรูปหัวใจ ปลูกง่ายตามข้างรั้ว หรือเลื้อยพันกับต้นไม้ใหญ่

สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทย
ราก   ถอนพิษไข้
ต้น    ลดไข้เช่นเดียวกับราก  บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร ปรับสมดุลในร่างกาย นอกจากนี้ตามตำราสมุนไพรไทยกล่าวว่า สามารถช่วย บำรุงกำลัง และยังเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย

วิธีใช้บอระเพ็ดเป็นยาอายุวัฒนา
เนื่องจากว่าส่วนต้นของบอระเพ็ด มีความขมมาก จะรับประทานสดสด คงไม่ไหม ต้องมีวิธีปรุงยาสมุนไพรไทยก่อน ขอแนะนำสามวิธีดังนี้
1. ใช้เถาบอระเพ็ดหั่นแล้วตากแห้ง จากนั้นบดเป็นผงผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานก่อนนอนวันละ 3-5 เม็ด
2. สำหรับคนที่ไม่แพ้แอลกลอฮอร์ ใช้เถาสดดองเหล้า โดยจะใช้บอระเพ็ดสดประมาณ 2 ขีดหั่นเป็นข้อใส่ในโถเหล้า ส่วนการดื่มให้ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชาก่อนอาหารเย็น
3. วิธีนี้ง่ายที่สุด คือนำบอระเพ็ดตากแห้ง แล้วนำมาบดใส่แคปซูล ทานวันละ 2-3 แคปซูลโดยทานก่อนอาหารเช้า เย็น (อาจทานเช้าเย็น มื้อละแคปซูล หรือเช้า 1 เย็น 2 ก็ได้)

วิธีใช้บอระเพ็ดเป็นยาบรรเทาไข้ ลดความร้อน                                                

  1. ใช้เถาแก่สด หรือต้นสด ประมาณ 15-20 เซนติเมตร (30-40 กรัม) ตำให้แหลกและคั้นเอาน้ำดื่ม (อย่าลืมใส่ถุงมือตอนคั้นนะครับ ขมติดมือไม่รู้ด้วย )หรือต้มกับน้ำโดยใช้ น้ำ 3 ส่วน ต้มเคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน ดื่มวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ
  2. ใช้เถาสด ดองเหล้าโรง แนะนำ 20 ดีกรีก็พอ รับประทานเพียงครั้งละ 1 ช้อนชา

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของบอระเพ็ด ใครเลยจะรู้ว่าเจ้าสมุนไพรอย่างบอระเพ็ดเอง อาจเป็นที่มาของสำนวนที่ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ก็อาจเป็นได้

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของบอระเพ็ด ใครเลยจะรู้ว่าเจ้าสมุนไพรอย่างบอระเพ็ดเอง อาจเป็นที่มาของสำนวนที่ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ก็อาจเป็นได้

ผักบุ้งทะเล แก้พิษได้ ใช้ยามฉุกเฉิน

 พืชสมุนไพร, แก้แมงสัตว์กัดต่อย  ปิดความเห็น บน ผักบุ้งทะเล แก้พิษได้ ใช้ยามฉุกเฉิน
ต.ค. 252012
 

เมื่อไม่นานนี้เอง ผมได้มีโอกาศไปเที่ยวทะเล เวลาไปเที่ยวทะเลนอกจากหาดทรายสวยๆ น้ำใสๆแล้ว ก็นึกขึ้นมาได้ ว่าการลงเล่นน้ำ เราอาจต้องเพิ่มความระมัดวังนึดนึงหากต้องไปทักทายกับสัตว์โลกผู้น่ารักอย่าง แมงกะพรุนไฟเข้า

แมงกะพรุนไฟ

สัตว์จำพวกแมงกะพรุนไฟนั้น มีพิษที่เหล็กใน ซึ่งอยู่ที่บริเวณหนวดเส้นเล็ก ๆ และซึ่งจะปล่อยออกมาแทงผิวหนังของคน  ทำให้ปวดแสบปวดร้อนไปนาน ผิวหนังบริเวณนั้นจะบวมเป็นผื่นแดง  อาการมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน  ใครเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัว จะไปหายามาทาหรือพาไปหาหมอคงอาจต้องใช้เวลานานหน่อย แต่เราสามารถปฐมพยาบาลด้วย ตัวเองได้ ด้วยพืชสมุนไพรไทย ที่พบได้ง่ายบริเวณนั้น ใช่แล้วครับ พระเอกของเรื่องในวันนี้คือ ผักบุ้งทะเลนั่นเอง

มารู้จักกับผักบุ้งทะเล

ผักบุ้งทะเล เป็นพืชที่ขึ้นตามชายหาดชื่อทางวิทยาศาสตร์  lpomoea  pes-caprae (L.)R.br.

ชื่อโดยทั่วไป   ผักบุ้งทะเล หรือ Goat’s Foot Creeper ,  Beach Morning Glory

ชื่อวงศ์   convolvulaceae

ลักษณะของผักบุ้งทะเล

ส่วนลำต้น       เป็นไม้ล้มลุก เลื้อยไปตามพื้นทรายหรือพื้นดิน ชอบขึ้นพื้นที่ใกล้ทะเล หรือตามชายหาดต่างๆ ทั้งต้นมีน้ำยางสีขาว

ลักษณะใบ      เป็นใบเดี่ยว แผ่นใบจะกว้าง โคนใบจะเป็นรูปหัวใจ ปลายใบเว้าลึก

ลักษณะดอก   ดอกจะออกเป็นช่อ 5 ถึง 6 ดอก กลีบดอกสีชมพูอมม่วง กลีบดอกติดกันบานคล้ายปากแตร (ลักษณะคล้ายผักบุ้งนามาก) ดอกจะบานตอนเช้า บ่ายๆจะหุบและเหี่ยว

สรรพคุณด้านสมุนไพรไทยของผักบุ้งทะเล

  • ใช้แก้พิษแมงกระพรุนไฟได้ โดยหากถูกแมงกระพรุนไฟหากมีต้นผักบุ้งทะเลขึ้นแถวนั้นให้ใช้วิธีการดังนี้
  1. เมื่อถูกแมงกะพรุนไฟในตอนแรก ให้ใช้ทรายที่หาดนั้นถูบนผิวหนังเบาๆ เพื่อขัดเอาน้ำเมือก ๆ จากตัวแมงกะพรุนไฟบนผิวหนังออกล้างด้วยน้ำทะเล ห้ามใช้น้ำจืด
  2. ให้ใช้ขยำต้นและใบผักบุ้งทะเลให้ได้วุ้นลื่นๆ (ขยี้เหมือนเราซักผ้านั่นแหละ) แล้วนำมาพอกแผล  เหตุที่ผักบุ้งทะเลมีฤทธิ์เป็นสมุนไพรในการรักษาพิษแมงกระพรุนไฟได้เนื่องจาก ในใบผักบุ้งทะเลมีสาร โวลาไทน์ เอสเตอร์ (Volatile Ester) สามรถลดอาการปวดอักเสบ ปวดแสบปวดร้อนจากพิษแมงกระพรุนได้ นอกจากนั้นยังมีสารแอินตี้ ฮิสตามีน(antihistamine) สามรถต้านอาการแพ้ได้อีกด้วย
  3. หากอาการยังไม่บรรเทา เช่นปวดมากควรทานยาแก้ปวด และควรนำส่งโรงพยาบาล
  • นอกจากแก้พิษของแมงกระพรุนไฟแล้วนั้น ผักบุ้งทะเลยังสามรถแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้อีกด้วย

ไปเที่ยวทะเลครั้งใด อย่าลืมนึกถึงผักบุ้งทะเลกันนะครับ

 

ต.ค. 242012
 

เมื่อไม่กี่วันผ่านมาผมได้มีโอกาศไปทาน อาหารญี่ปุ่นกับคุณแฟน ที่ร้าน S.(ขอไม่เอ่ยชื่อเต็มนะครับ) ซึ่งจะเป็นแบบบุปเฟ่ อาหาร+เครื่องดื่ม ก็ไม่มีอะไรทานตามปรกติสุข แต่พอจะไปกดเครื่องดื่มมาดื่ม ก็สะดุดตากับเครื่องดื่มสีส้มสดใส ตอนแรกคิดว่าน้ำส้ม แต่พออ่านป้ายจึงรู้ว่าเป็น น้ำเสาวรสนี่เอง ก็เลยลองมาหาข้อมูลของพืชชนิดนี้ดู พบว่าสรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทย ของพืชชนิดนี้มีมาก เลยลองมาแบ่งปันให้เพื่อนๆชาว ไทยสมุนไพร.net ได้ลองอ่านกันดู

          พูดถึงเสาวรส  ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าพืชชนิดนี้ไม่ได้เป็นพืชของไทยเรามาแต่เดิมนะครับ เพราะพืชชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ บริเวณประเทศบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา แต่มาแพร่พันธ์ในไทย ก่อนรู้จักสรรพคุณเรามารู้จักชื่อเสียงเรียงนามของพืชชนิดนี้กันนะครับ

เสาวรสชื่อวิทยาศาสตร์: Passiflora edulis

ชื่อโดยทั่วไป   :  เสาวรส  หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Passionfruit

ชื่ออื่นๆ  : กระทกรก  สุคนธรส

ลักษณะของเสาวรส

เป็นไม้เลื้อย ผลเป็นรูปค่อนข้างกลม ผลอ่อนจะมีสีเขียว แต่ที่พิเศษคือเมื่อสุกจะมีหลายสี แล้วแต่ว่าพันธ์อะไร  ที่พบจะมีทั้งทั้งสีม่วง สีเหลือง สีส้ม ชั้นในสุดของเปลือกเป็นเยื่อสีขาวที่เรียกรก(เป็นทีมาของกระทกรก) เมล็ดมีสีดำ อยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดเป็นถุง กลิ่นคล้ายฝรั่งสุก รสเปรี้ยวจัด บางพันธุ์มีรสเปรี้ยวอมหวาน

สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทย

ยอด รับประทานเป็นผักสด จิ้มน้ำพริกมีรสขมเล็กน้อย หรือจะนำไปแกงก็ได้

เนื้อไม้  ตามตำราสมุนไพรบอกว่าเป็นยาควบคุมธาตุ ถอนพิษเบื่อเมทุกขนิด ใช้รักษาบาดแผล

ราก ใช้ต้มน้ำเพื่อแก้ไข้  รักษาผดผื่นคัน กามโรค

ใบ ใช้ตำให้ละเอียด แล้วคั้นน้ำดื่มเป้นยาขับพยาธิได้

คอก ใช้แก้ไอ ขับเสมหะ

ผล รับประทานเมล็ด เยื่อหุ้มเมล็ด คั้นเป็นน้้ำดื่มเพื่อสุขภาพ

ประโยชน์ของน้ำเสาวรสน้ำเสาวรส

ดังที่บอกไปว่าเสาวรสมีประโยชน์ในทุกส่วน แต่ส่วนที่คนนิยมใช้จริงๆ คือผลของเสาวรส  ที่คนมักนิยมนำมาคั้นทำเป็นน้ำเสาวรส ลองมาดูประโยชน์ของมันกันครับ

  • น้ำเสาวรสมีวิตามินเอสูง ซึ่งมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ
  • น้ำเสารสมีวิตามินซีสูง จึงสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอกระบานการเสื่อมสภาพของเซลล์
  • สามารถกำจัดสารพิษในเลือด บำรุงไต รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สามารถลดไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี

ข้อควรระวังในการรับประทานเสาวรส

  •   ผู้ที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงควรดื่มพอประมาณ
  •   ไม่ควรรับประทานสดแบบทั้งต้น เพราะมีสารพิษอาจเป็นอันตรายได้

ขอบคุณข้อมูลจาก Thai wiki pedia ,หนังสือ สมุนไพรใกล้ตัว ตู้ยาข้างบ้าน  /ภาพประกอบจาก internet

เพชรสังฆาต ริดสีดวงหายขาดด้วยสมุนไพรไทย

 พืชสมุนไพร, รักษาริดสีดวงทวาร  ปิดความเห็น บน เพชรสังฆาต ริดสีดวงหายขาดด้วยสมุนไพรไทย
ต.ค. 192012
 

หากใครจำโฆษณาเมื่อหลายปีก่อนได้ (น่าจะมากกว่า10 ปี) ก็คงจะจำประโยคสุดขำที่ว่า “ก็ลมมันเย็น”ได้ดี สำหรับคนที่นึกออกก็คงร้องอ๋อ ใช่ครับมันคือโฆษณายาแก้ริดสีดวงทวารนั่นเอง  หากพูดถึงริดสีดวงทวาร นับว่าเป็นโรคที่สร้างความทุกทรมานให้คนเป็นจำนวนมาก ก่อนจะพูดถึงหัวข้อต่อไป ขออนุญาต พูดถึงโรคริดสีดวงทวารกันก่อนเล็กน้อย

   ริดสีดวงทวารคือ การที่เส้นเลือดดำ รอบๆทวารหนักเกิดการโป่งพองขึ้น ทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารขึ้น  ซึ่งอาการเริ่มต้นจะมีตั้งแต่คันที่ปากทวารหนัก จนไปถึงเจ็บทวารหนักเวลาขับถ่าย หรือบางทีมีเลือดปนมากับอุจจาระ  ลักษณะเป็นเลือดสดๆหลังการขับถ่าย จะว่าไปอาการค่อนข้างน่ากลัวนะครับ ใครที่เคยเป็นคงทราบถึงความทุกทรมานดี ส่วนสาเหตุที่เป็นนั้นส่วนใหญ่เกิดมาจากพฤติกรรมการขับถ่าย หรืออาการท้องผูกเรื้อรัง ทำให้ต้องใช้กำลังภายในในการเบ่งมาก (พูดเหมือนหนังจีนเลย)จึงทำให้เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักเกิดการโป่งพองจนกลายมาเป็นโรคริดสีดวงในที่สุด

เมื่อเรารู้จักโรคริดสีดวงทวารแล้ว เราก็มารู้จักกับทางแก้หรือทางรักษากันบ้าง ซึ่งมีอยู่สองทาง ทางแรกคือทานยา รายละเอียดผมไม่ขอกล่าว ส่วนอีกทางหนึ่งคือ การใช้สมุนไพรไทย ซึ่งสมุนไพรไทยที่จะแก้อาการนี้ได้แบบที่เรียกว่าได้ผลดีก็คือ “เพชรสังฆาต”นั่นเองครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามารู้จักสมุนไพรชนิดนี้กันเลย

เพชรสังฆาตชื่อทางวิทยาศาสตร์  Cissus quadrangulalis L.

ชื่อวงศ์  TITACEAE

ชื่ออื่นๆ สันชะควด สามร้อยข้อ พญาร้อยปล้อง (สองชื่อหลังนี้บ่งบอกลักษณะของเพชรสังฆาตได้ดีมากๆ)

ลักษณะโดยทั่วไปของเพชรสังฆาต

  • ลำต้น  เพชรสังฆาตนั้นมีลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อย อวบน้ำ ลำต้นเป็นปล้องยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ลักษณะจะเป็นเหลี่ยม มีมือเกาะตรงข้อ ใช้ยึดเกาะ บางข้อก็จะเป็นลักษณะ รากอากาศงอกออกมา
  • ใบ  ลักษณะใบจะเป็นใบเดี่ยว ออกข้อละ 1 ใบ  ดอกจะมีขนาดเล็ก สีแดง ออกตรงข้ามใบ
  • ผล  เพชรสังฆาตมีผลขนาดเล็กออกตรงโคนกลีบดอก เมื่อสุกจะสีแดง สุกมากๆจะมีสีดำ

การใช้เป็นยาสมุนไพรไทย

วิธีการใช้รักษาโรคริดสีดวง จะใช้เพชรสังฆาตสดหนึ่งปล้อง  แต่เนื่องจาก เพชรสังฆาตมีรสขม และคันคอมาก หากรับประทานไปตรงๆ ปากอาจจะพองได้ แถมยังคันคอมากอีกด้วย คล้ายกับเวลาเราทานพืชจำพวกบอน ฉะนั้นจึงแนะนำให้ ตัดเถาสดเป็นปล้องเล็กๆ ปล้องละ 1 เซนติเมตร หุ้มด้วยกล้วยสุก หรือมะขามเปียก แล้วกลืนวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็นหลังอาหาร โดยให้ทานติดต่อกัน 10 วันจึงจะเห็นผล ถ้ายังไม่หายดี หรือหายขาด แนะนำ ให้ทานต่ออีก 5 วัน

อีกวิธี เป็นวิธีการใช้เพชรสังฆาต แบบแห้ง โดยให้ใช้เพชรสังฆาตไปตากแห้ง จากนั้นนำมาบดใส่แคปซูลเบอร์ 2 (หาซื้อได้ตามร้านขายยา) จะได้ผงยานี้ 250 มิลลิกรัม โดยให้รับประทานครั้งละสองแคปซูล วันละ 4 ครั้งก่อนอาหาร และ ก่อนนอน โดยรับประทานติดต่อกัน 1 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้น ถ้าเริ่มหายดีแล้ว ให้รับประทานติดต่อกันอีก 7 วันจะทำให้หายขาด

เป็นยังไงบ้างครับกับวิธีการรักษาริดสีดวงทวารโดยใช้สมุนไพรไทยที่ชื่อ เพชรสังฆาต น่าสนใจไหม สุดท้ายของฝากนิดนึง หากใครเป็นโรคริดสีดวงทวารแล้วรักษาหาย ไม่ว่าจะทานยา หรือใช้สมุนไพรก็ตาม ท่านยังมีโอกาศที่จะกลับมาเป็นอีก แนะนำวิธีป้องกันที่ได้ผลดีที่สุดคือ ให้เราเปลี่ยนพฤติกรรมด้านการขับถ่าย โดยขับถ่ายให้สม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ รับรอง ริดสีดวงทวารจะไม่กลับมาหาท่านอีก

 

 

ต.ค. 182012
 

วันนี้เราพูดถึงพืชชนิดหนึ่งกัน เป็นพืชทั่วๆไป ที่พบได้ง่าย(ตาม concept ของเว็บเรา )แต่เปี่ยมไปด้วยสรรพคุณของสมุนไพรไทย พืชชนิดนั้นก็คือมะเฟืองนั่นเองครับ  คิดว่าหลายท่านคงเคยทานกันมาแล้วบ้าง วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงมะเฟืองกัน มาดูกันว่า มะเฟืองที่แสนธรรมดา แฝงคุณค่าความเป็นสมุนไพรไทยอะไรให้เราบ้าง ซึ่งตามธรรมเนียมนิยมอยากรู้จักใคร หรืออยากรู้จักอะไรต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันก่อน งั้นเริ่มที่ชื่อต่างๆ ของมะเฟืองแล้วกันนะครับ

มะเฟืองชื่อโดยทั่วไป       มะเฟือง   Star fruit   (star = ดาว ตรงตัวดีไหมครับ ถ้ามองทั้งลูกไม่ออกว่ามะเฟืองเหมือนดาวยังไง แนะนำให้ผ่าตามขวางดูแล้วจะรู้)

ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของมะเฟือง    acerrhoa carambola L.

ชื่อวงศ์   AVERRHOACEAE

ลักษณะโดยทั่วไปของต้นมะเฟือง

  • ลำต้น มะเฟืองจัดเป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ไม่สูงไม่เตี้ย ประมาณ 3-10 เมตร ลำต้นเปราะแตกง่าย
  • ใบมะเฟือง  มะเฟืองมีใบประกอบขนนก มองไปมองมาก็ดูคล้ายใบของต้นมะยม
  • ดอก มะเฟืองมีดอกสี ม่วงขาว ออกไปทางชมพู ดอกจะออกเป็นพวง
  • ผลของมะเฟือง  เมื่อเริ่มออกผลจะเป้นสีเขียว แต่พอเริ่มสุขจะค่อยๆเป็นสีเหลือง(แต่ขอบของผลโดยมากจะยังเป็นสีเขียว) มะเฟืองมีผลฉ่ำน้ำ มีรสเปรี้ยว อมหวาน

สรรพคุณด้านสมุนไพรไทยของมะเฟือง

มะเฟืองมีสรรพคุณอยู่หลายด้าน อาทิเช่น แก้ร้อนใน บำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย แก้อ่อนเหลีย ลดความร้อนในร่างกาย ขับเสมหะ ป้องกันโรคโลหิตจาง ขับปัสสาวะ รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ทำให้ร่างกายผ่อนคลายและช่วยให้นอนหลับ บรรเทานิ่วในทางเดินปัสสาวะ   เป็นไงหละครับเยอะดีไหม

ในการบรรเทาอาการที่ได้กล่าวมา ผู้รู้ได้ให้ข้อแนะนำเพิ่มดังนี้

– การรับประทานมะเฟืองสด เวลาเกิดอาการ เช่นทานเพื่อบรระเทาอาการปัสสาวะขัด ควรทานมะเฟืองหรือน้ำมะเฟืองติดต่อกันประมาณ 15 วันเป็นอย่างน้อย หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น

– การดื่มมะเฟืองเพื่อผ่อนคลาย หรือช่วยให้หลับสบายนั้น แนะนำให้ดื่มวันละ 1 แก้วหลังอาหารเย็น ในมะเฟืองมีสารที่ทำให้นอนหลับสนิทจะช่วยตรงนี่ได้

– มะเฟืองสามผล จะคั้นน้ำได้มากถึง 1 แก้ว ก่อนทานแนะนำให้เติมเกลือเล็กน้อย จะทำให้ทานง่ายขึ้น

ทั้งหมดนี้แหละครับคือสรรพคุณด้านสมุนไพรไทยของมะเฟือง ยังไงลองหามาทานกันดูนะครับ

ต.ค. 172012
 

พูดถึงมะขามป้อมเชื่อว่าทุกคน คงรู้จักแน่ ส่วนคำว่า “ชุ่มคอ ชื่นใจ” ในหัวข้อของเรื่องนี้หล่ะ หลายคนอาจจะจะนึกไม่ถึงว่ามะขามป้อมนี่นะ ทำให้ชุ่มคอชื่นใจได้ ไม่ใช่หมากหอมเยาวราชซะหน่อย แต่มันก็ป็นเรื่องจริงครับ สรรพคุณทางสมุนไพรไทยของมะขามป้อมทำให้เราชุ่มคอ ชื่นใจได้จริงๆ เรามารู้จักมะขามป้อมกันเถอะ

มะขามป้อมชื่อโดยทั่วไป Emblic myrablan , Ma-lacca tree.

ชื่อวิทยาศาสตร์ของมะขามป้อม Phyllanthus emblica L.

เป็นพืชวงศ์   EUPHORBIACEAE

ลักษณะของมะขามป้อม

มะขามป้อมนั้นเป็นไม้ทนแล้ง (น้ำน้อยก็ปลูกได้ มะขามป้อมเอาอยู่ แต่ถ้าน้ำมากเหมือนที่ กทม.ตอนปี 54 ไม่รู้จะเอาอยู่หรือเปล่า) ต้นมะขามป้อมสูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นเป็นสีเทาอมน้ำตาล ใบเป็นใบเรียงเดี่ยว เรียวสลับกัน ออกดอกเป็นช่อ ผลอ่อนมีสีเหลืองเขียว พอเริ่มแก่ผลจะเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล

สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทยของมะขามป้อม

เมื่อเรารู้จักกับลักษณะของต้นมะขามป้อมแล้ว คราวนี้ก็ถึงที ที่เราจะรู้จักกับสรรพคุณของมะขามป้อมบ้าง มาดูกันเลยนะครับว่ามะขามป้อมมีดียังไง

ผลสด รับประทานวันละ 1-2 ลูก ทำให้ชุ่มคอ คิดว่าถ้าเคยทานคงจำความรู้สึกได้ ตอนกินจะรู้สึกเปรี้ยวๆฝาดๆ แต่พอทานน้ำตามเท่านั้นแหละ จะรู้สึกหวานและชุ่มคอมาก ตามตำราสมุนไพรไทย มีสูตรอยู่ว่า ให้นำมะขามป้อมผลสดจำนวน 10 ผล มาบดและคั้นน้ำผสมน้ำผึ้ง เติมเกลือนิดหน่อย ดื่มวันละครั้ง จะเป็นยา แก้ไอ ขับเสมหะชั้นเลิศ นอกจากนั้นยังทำให้ร่างกายสดชื่น ต้านอนุมูลอิสระ (ตำรายาสมุนไพรไทยไม่ได้บอกถึงการต้านอนุมูลอิสระเอาไว้นะครับ เรื่องต้านอนมูลอิสระเป็นข้อมูลจากงานวิจัยสมัยใหม่ )

ผลมะขามป้อมตากแห้ง แม้จะตากแห้ง แต่ยังคงฤทธิ์ของสมุนไพรไทยเอาไว้อยู่ การตากแห้งเป้นวิธีถนอมอาหารอย่างหนึ่ง เพื่อนำมาใช้เป็นยา เวลาใช้ให้นำมาผลตากแห้งมาประมาณ 3 ผล แช่น้ำร้อนประมาณ 1 แก้วแล้วชงดื่ม โดยอาจผสมน้ำผึ้ง เติมเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ โดยให้ดื่มตอนท้องว่างหรือก่อนอาหารเช้า จะทำให้ละลายเสมหะ แก้เจ็บคอ ทำให้ชุ่มคอ

ผลสดหรือผลตากแห้ง อันนี้เป็นอีกสูตรไม่จำกัดว่าเป็นผลสด หรือผลตากแห้ง โดยสูตรนี้จะใช้ผลมะขามป้อมประมาณ 15 ลูก ต้มน้ำหนึ่งกา โดยดื่มต่างน้ำ เป็นยาบำรุงธาตุ (คำว่าธาตุในทางแพทย์แผนโบราณ หมายถึงระบบย่อยอาหาร และลำไส้นะครับ) ขับปัสสาวะ แก้หวัดคัดจมูก และบรรเทาอาการเจ็บคอ

งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมะขามป้อม

นอกจากมะขามป้อมจะมีสรรพคุณทางสมุนไพรแล้ว ปัจจุบันก็มีการวิจัยถึงสรรพคุณของมะขามป้อมในเชิงลึกมากขึ้น เช่น

  1. มีสารต้านเชื้อไวรัส มีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์    HIV – 1 Reverse Trascriptase (เหมือนในยาต้านไวรัสเอดส์)
  2. ผลของมะขามป้อม ลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร จะไปลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่จะทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
  3. ผลของมะขามป้อมมีสารบางตัวที่ ยับยั้งการเกิดความเป็นพิษ ในตับ และไต  ที่เกิดเนื่องมาจาก โลหะหนัก เช่นตะกั่ว  แดดเมียม (คนที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงต่อโลหะหนัก) ซึ่งวัดโดยการทดลองในหนูทดลอง
  4. มะขามป้อม มีสารที่ ลดการกลายพันธุ์ ลดการเกิดเกิด โครโมโซมที่ผิดปกติ ทำให้อัตราการกลายพันธ์ลดลง (การกลายกลายพันธ์นี้พูดถึงเรื่องความสมบูรณ์ของบุตร และการเกิดโรคทางพันธุกรรมต่างๆ)

นี่แหละครับเป็นสรรพคุณด้านสมุนไพรไทย รวมไปถึงงานวิจัยต่างๆ ของมะขามป้อม อ่านจบคงพอจะรู้แล้วว่านะครับว่า มะขามป้อมทำให้ ชุ่มคอชื่นใจ  ได้อย่างไร ปัจจุบันนี้มะขามป้อมก็ไม่ได้หายากอะไร เพราะมีการนำมาแปรรูป ตากแห้งแพ๊คใส่ถุงสวยงาม ติดฉลากบรรยายสรรพคุณเสร็จสรรพ ยังไงก็ลองหามาทานดูนะครับตามงาน OTOP หรือถ้าบ้านใครมีเป็นต้นเลย ยิ่งดีใหญ่ ลองเด็ดมาชิมดูบ้างก็คงไม่เสียหลาย

 

 

 

ต.ค. 162012
 

พูดถึงมะยม แค่พูดชื่อก็เปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาแล้ว แต่ไม่ได้จี๊ดแค่ชื่อ สรรพคุณด้านสมุนไพรไทยยังจัดว่าจ๊๊ดอีกด้วย (จี๊ด เป็นศัพท์วัยรุ่นนะครับ สำหรับท่านที่ไม่ทันเช่นผม จี๊ดมีความหมายประมาณว่าสุดๆไปเลย อะไรทำนองนี้) และด้วยความที่มะยมเป็นของหาง่าย ปลูกง่าย มะยมจึงจัดว่าเป็นพืชยอดนิยมเหมือนชื่อของมัน วันนี้เองผมจึงอยากแนะนำให้รู้ทุกท่านได้รู้จักมะยมกัน อย่างชนิดที่เรียกว่าหมดเปลือก(จริงๆมะยมก็ไม่มีเปลือก) มาดูว่าสรรพคุณของมันมีมากน้อยเพียงใด จี๊ด ดังที่ผมกล่าวไว้ในตอนแรกหรือเปล่า

ชื่อต่าง ๆ ของมะยม

มะยมชื่อโดยทั่วไป  มะยม  Star gooseberry  สังเกตุชื่อในภาษาอังกฤษตรงคำว่าเบอร์รี่ (berry)  ฝรั่งนี่ก็แปลกเห็นอะไรลูกเล็กๆ เล่นเรียก เบอร์รี่ ไปหมดทุกลูก

ชื่อทางวิทยาศาสตร์   Phyllanthus acidus Skeels

ชื่ออื่นๆตามท้องถิ่น    หมากยม (ภาคอิสาน)    ยม  (ภาคใต้)

ลักษณะทั่วไปของต้นมะยม

  • ลำต้น มะยมเป็นไม้ยืนต้น แบบต้นเตี๊ยหน่อย ก้สักสามเมตร แบบสูงสุดเท่าที่เคยเห็น ก็เกือบสิบเมตรได้ ลำต้นตรง แตกกิ่งก้านสาขาตรงปลายยอด กิ่งมะยมค่อนข้างเปราะ และแตกง่าย เปลือกของลำต้นขรุขระสีเทาปนน้ำตาล
  • ใบมะยม ใบของมะยมเป็นใบย่อย ออกเรียงแบบสลับกันเป็นสองแถว แต่ละก้านมีใบย่อย 20-30 คู่ ขอบใบเรียบ (ยังจำก้านมะยมได้ไหม ตอนเด็กๆใครเคยโดนมั่ง)
  • ดอก ดอกมะยมออกเป็นช่อตามกิ่ง ดอกย่อยจะมีสีเหลืองอมน้้าตาล
  • ผลมะยม หรือลูกมะยม จะออกเป็นช่อตามกิ่ง เมื่ออ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือขาวแกมเหลือง หลุดจากช่อได้ง่าย

สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทยของมะยม

  • รากของมะยม  ใช้แก้โรคผิวหนัง แก้ผดผื่นคัน ซับน้ำเหลืองจากแผลให้แห้ง ดับพิษเสมหะ แก้ประดง*

* เพิ่มเติมข้อมูล โรคประดง คือ โรคผื่นคันตามผิวหนังหรือที่เรียกกันติดปากว่า “โรคประดง” ลักษณะของผื่น มีหลายแบบ เช่นอาจขึ้นเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ คล้ายยุงกัดทั่วตัว หรือเป็นผื่นแดงเล็กๆ หรือขึ้นเป็นทางตามตัว  ผื่นเม็ดเล็กสีค่อนข้างขาว   หรือผื่นขึ้นคล้ายลมพิษ   (ข้อมูลจาก http://www.numsai.com)

  • เปลือกของลำต้น  ใช้แก้ไข้ทับระดู ระดูทับไข้ (สองอาการนี้น่าจะต่างกันที่ลำดับก่อนหลัง ของรอบเดือน และอาการไข้)และ แก้ผดผื่นคัน
  • ใบ  ใช้ปรุงเป็นส่วนประกอบของยาเขียว แก้ไข้ ดับพิษไข้ บำรุงประสาท โดยต้มร่วมกับใบหมากผู้หมากเมีย และใบมะเฟือง อาบแก้คัน ไข้หัด เหือด และสุกใส
  • ดอก ดอกสดใช้ต้มกรองเอาน้ำแก้โรคตา ชำระล้างดวงตา (สูตรนี้ไม่แนะนำนะครับ เรื่องของดวงตา อยากให้รักษาด้วยแผนปัจจุบันมากกว่า แต่ลงพอให้ทราบว่าว่าตำรายาสมุนไพรไทยสมัยก่อน เขามีสูตรนี้)
  • ผล ใช้กัดเสมหะ (ขับเสมหะ )แก้ไอ บำรุงโลหิต และเป็นยาระบาย

สูตรยาสมุนไพรไทยจากมะยม

  1. สูตรยาแก้โรคผิวหนัง ผดผื่นคัน ใช้ราก 1000 กรัม หรือ 1 กิโลกรัม ต้มกับน้ำ 10 ลิตร โดยต้มให้เดือด 5-10 นาที ทิ้งไว้ให้อุ่นใช้แช่อาบ (จะแช่ในกะละมัง หรืออ่างจากุ๊ดชี่ก็ตามสะดวก) ทำควบคู่ไปกับใช้รากฝนกับน้ำซาวข้าวทาวันละ 2-3 ครั้ง
  2. สูตรยาบำรุงโลหิต ยาอายุวัฒนะ ใช้ผลแก่ดองในน้ำเชื่อม (น้ำ 1ส่วนน้ำตาล 3 ส่วน) ดองจนครบสามวัน ทะยอยทานวันละ 1 ช้อนโต๊ะ
  3. สูตรยาลดความดันโลหิต ใช้ใบแก่พร้อมก้าน 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วม เติมน้ำตาลเล็กน้อยพอดับเฝื่อน ต้มให้เดือนาน 5 นาที แล้วดื่มควบคู่กับการวัดความดันไปด้วย เมื่อความดันเป็นปรกติ ต้องหยุดทาน  (เรื่องความดันโลหิตเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง ผมอยากให้สูตรนี้เป็นทางเลือกในการรักษามากกว่า หากท่านใดกำลังรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ควรหยุดยาที่แพทย์จ่าย)

ข้อควรระวัง

น้ำยางจากเปลือกของรากมะยมมีพิษเล็กน้อย ถ้ารับประทานเข้าไปอาจมีอาการปวดท้อง ปวดศรีษะ และง่วงซึม ต้องระวังเรื่องยางจากเปลือกรากให้ดี

ขอบคุณข้อมูลจาก   thai Wikipedia ,หนังสือ สมุนไพรก้นครัว กินแล้วไม่ป่วย ภาพประกอบจาก biogang

ต.ค. 152012
 

วันนี้เราจะพามารู้จักพืชผักสมุนไพรไทย ชนิดหนึ่งกัน นั่นก็คือผักโขม หรือผักขมนั่นเองครับ ผักโขมนั้นมีหลายชนิด พอที่จะแยกได้ดังนี้

  •    ผักโขมบ้าน เป็นผักโขมชนิดที่ใบกลมเล็ก มีลำต้นขนาดเล็ก ก้านของใบเป็นสีแดง ใบมีสีเขียวเหลือบแดง
  •    ผักโขมหนาม มีลำต้นสูง ใบใหญ่ จะมีหนามที่ช่อของดอก จึงเป้นที่มาของชื่อ ผักโขมหนาม ใช้เฉพาะส่วนยอดอ่อนมาประกอบอาหาร
  •    ผักโขมสวน ใบมีสีเขียว บริเวณเส้นกลางใบมีสีแดง เมื่อปรุงสุกแล้ว จะมีสีแดงอมม่วง
  •    ผักโขมจีน เป็นผักโขมที่มีต้นใหญ่ ใบเป็นสีเขียวเข้มขอบใบหยัก ใบสดมีรสเผ็ด และมีกลิ่นฉุน


แต่ถ้าจะบอกว่าชนิดไหนเป็นที่นิยม ก็คงจะเป็น ผักโขมสวน เพราะมีใบที่โต และอ่อนนุ่ม รสชาติดี และมีคุณค่าทางอาหารทีสูงเอาเรื่อง เพราะในผักโขม อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด กรดโฟเลต วิตามินซี โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม สังกะสี และโปรตีน นี่แค่ย่อยๆ ที่เด็ดกว่านั้นล่ะ เรามาดูกัน

คุณค่าทางอาหารของผักโขมผักโขม

  1. ผักโขมยังมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเป้นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม ในคุณสุภาพสตรี
  2. ผักโขมมีสาร ซาโปนิน(Saponin)ที่ช่วยลดคอเรสเตอรอล ในเลือดได้เป็นอย่างดี และยังช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์
  3. วิตามินเอในผักโขม ช่วยในการมองเห็น และช่วยบำรุงสายตา
  4. วิตามินซี นอกจากในเรื่องป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันแล้ว ยังช่วยเสริมสร้าคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
  5. ในผักโขมนั้นอุดมไปด้วยเส้นใย จึงช่วยในระบบขับถ่าย ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร

นอกจากผักโขมจะมีคุณค่าในด้านสารอาหารต่างๆที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ผักโขมยังมีคุณค่าในด้านสมุนไพรไทยหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งตำราประมวลสรรพคุณยาไทย ของ สมาคมแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน ได้กล่าวถึงประโยชน์ด้านสมุนไพรไทยของผักโขมเอาไว้ดังนี้

ผักโขมหัด(น่าจะเป็นผัโขมบ้าน) ใช้รากปรุงเป็นยาถอนพิษร้อนใน แก้ไข้ต่างๆ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ เมื่อต้มเอาน้ำมาอาบ มีสรรพคุณในการแก้คันได้เป็นอย่างดี

ผักโขมหนาม ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ตกเลือด แก้หนองใน แก้แน่นท้อง แก้กลากเกลื้อน ขับน้ำนม ระงับความร้อน แก้ไข้ แก้อาการลิ้นเป็นฝ้าในเด็ก

การนำผักโขมไปใช้ ประกอบอาหาร  

แกงเลียงผักโขมถ้าจะให้พูดคงหลายเมนู ยกตัวอย่างที่เด็ดๆแล้วกันนะครับเช่น ผักโขมผัดน้ำมันหอย แกงจืดผักโขมหมูบะช่อ สลักผักโขม ซุปผักโขม ยำผักโขม นำมาต้มจิ้มน้ำพริกต่างๆก็อร่อย นี่แค่อาหารไทย ถ้าใครไปทานในร้านพิซซ่า ก็จะเจอเมนูผักโขมอบชีส อันนี้ผมเคยลองแล้ว อร่อยไม่เบา อ้อลืมบอกในสมัยก่อน(จนถึงปัจจุบัน) นิยมทำแกงเลียงผักโขมให้แม่ที่พึงคลอดรับประทาน เพราะเชื่อกันว่าช่วยบำรุงเลือดและ เรียกน้ำนม ซึ่งความเชื่อนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงเพราะในผักโขมอุดมด้วยธาตุเหล็ก จึงสามารถช่วยตรงนี้ได้