ขี้เหล็กสามคุณค่า สามสูตรยา ในหนึ่งเดียว

 สูตรยาสมุนไพร  ปิดความเห็น บน ขี้เหล็กสามคุณค่า สามสูตรยา ในหนึ่งเดียว
ต.ค. 032012
 

ขี้เหล็ก แม้อาจจะมีรสขม ออกเฝื่อน ๆ บ้าง แต่คุณค่าในขี้เหล็ก มีมากมายเลย  โดยเฉพาะการนำมาประยุกต์ เป็นสูตรยา สมุนไพรไทย จากที่ค้นข้อมูลมา พบว่าทำยาได้ถึงสามสูตร  ซึ่งแต่ละสูตร มีการวิเคราะห์ถึงชื่อสาร กลไกการทำงาน ว่ามันเป็นอย่างไร ( พูดง่าย ๆ ก็คือ มีความน่าเชื่อถือนั่นเอง ) ว่าแล้วมาดูกันครับ ว่ามีสูตรใดบ้าง

ขี้เหล็ก ลักษณะ ดอก และ ใบ ของขี้เหล็ก

1. สูตรยาสมุนไพรไทยจากขี้เหล็ก  สำหรับอาการท้องผูก  ท้องผูกคือการเอาเชือกมาผูกไว้ที่ท้อง ไม่ใช่แล้ว ท้องผูกคืออาการที่ปริมาณน้้ำหรือไยอาหารใน อุนจิ น้อยเกินไปทำให้การขับถ่ายลำบาก  หรือพูดภาษาบ้านๆคือ ขี้ไม่ออกนั่นเอง (ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพแต่มันสสื่อได้ชัดเจนดี) การขับถ่ายเป็นการนำของเสียออกจากร่างกาย หากไม่ถ่ายจะเกิดอะไรขึ้น? คงไม่ต้องบรรยายมาก เฉพาะความรู้สึกคงอึกอัดน่าดู เคยเห็นสุขาเคลื่อนที่ตอนน้ำท่วมมั๊ย นั่นแหละ ตอนนี้คนที่ถ่ายไม่ออกก็เปรียบเป็นแบบนั้น

สำหรับสูตรยาสมุนไพรไทยที่ใช้ขี้เหล็กเป็นยาระบายมีดังนี้

ใช้ ใบอ่อน ดอกและแก่นแห้ง ประมาณ 4 – 5 กำมือ น้ำหนัก 20 -25 กรัมใส่น้ำให้ท่วมเติมเกลือเล็กน้อย ต้ม 10 – 25 นาที ดื่มก่อนอาหารเช้า หรือก่อนนอนให้หมดในครั้งเดียว

หลักการและเหตุผลเบื้องหลัง ทำไมสูตรนี้จึงได้ผล

การที่ส่วนต่าง ๆ ของขี้เหล็ก ช่วยแก้อาการท้องผูกได้ เพราะมีสารสำคัญพวกแอนทราควิโนนหลายชนิด ออกฤทธิ์เป็นยาระบาย

ข้อเสนอแนะ การใช้สมุนไพรแก้อาการท้องผูก

1. สมุนไพรพวกนี้ ให้ใช้ในขณะที่มีอาการท้องผูก ห้ามใช้ประจำ เพื่อจุดประสงค์ต้องการให้มีรูปร่างผอมเพรียว และควรรับประทานยาสมุนไพรก่อนนอน

2. ขนาดที่ใช้อาจเพิ่มหรือลดลงได้เล็กน้อยขึ้นอยู่กับ “อายุ” เด็ก ควรใช้ขนาดลดลง ถ้าผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ควรเพิ่มตัวสมุนไพรเล็กน้อย

3. ห้ามใช้ในบุคคลที่กำลังตั้งครรภ์แก่

 

2. สูตรยาสมุนไพรไทยจากขี้เหล็ก  สำหรับอาการเบื่ออาหา

หากใครมีอาการเบื่ออาหารประมาณว่า เอาเสต็กฝีมือ เซฟเอียน มาวางอยู่ตรงหน้า แล้วยังเฉย  ดูรายการ เซฟกระทะเหล็กแล้วไม่รู้สึกอะไร ผมมีสูตรยามานำเสนอครับ’

ง่ายมากมาก แค่ใช้ใบ ยอดอ่อน และดอก ต้มเดือด เคี่ยว 5 – 10 นาที เทน้ำทิ้ง และต้มใหม่เอาไว้สำหรับจิ้มน้ำพริก จะเป็นน้ำพริกอะไรก็ได้ตามใจ ” เลือกน้ำพริกที่ชอบ จิ้มกับผักที่ใช่” (สโลแกนคุ้นๆ)    หรือจะแกงรับประทานก็ไม่ว่ากัน

หลักการและเหตุผลเบื้องหลัง ทำไมสูตรนี้จึงได้ผล

การที่ใบและดอกขี้เหล็ก ช่วยเจริญอาหารได้ เพราะมีสารที่มีรสขม จึงช่วยกระตุ้นทำให้อยากอาหารได้ รับรองร้านข้าวแกงข้างทางในสายตาคุณก็จะกลายเป็นอาหารขึ้นเหลาได้ ไม่เชื่อลองดู

 

3.สูตรยาสมุนไพรไทยจากขี้เหล็ก รักษาอาการนอนไม่หลับ

นอนไม่หลับใครๆ ก็เป็นกันได้ เรามีวิธีช่วยโดยที่ไม่ต้องไปพึ่งยานอนหลับให้เสียสุขภาพ

ใช้ใบอ่อนและดอกตูมแห้ง150 กรัมเติมเหล้าโรง*พอท่วม แช่ทิ้งไว้ 5 -7 วัน คนบ่อย ๆ กรองเอากากออก ดื่มครั้งละ 1 – 2 ช้อนชาก่อนนอน

หลักการและเหตุผลเบื้องหลัง ทำไมสูตรนี้จึงได้ผล

–          การที่สารสกัดด้วยเหล้าโรงของใบอ่อน และดอกตูมแห้งของขี้เหล็กสามารถช่วยให้นอนหลับได้ เพราะมีสารพวกอัลคาลอยด์ ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางช่วยทำให้นอนหลับ แต่ไม่ไช่ยานอนหลับโดยตรง

* อธิบายเพิ่มเติมเผื่อหลายคนที่ไม่รู้ เหล้าโรงพูดง่ายๆ ก็คือเหล้าขาวนี่แหละ มีให้เลือกทั้ง 28 ดีกรี และ 40 ดีกรี ผมแนะนำ 28 ดีกรีก็พอเราไม่ได้ทานให้เมาแล้วหลับ แค่จิบวันละ 1-2 ช้อนชาตามสูตร สำหรับคนที่แพ้แอลกลอฮอล์ควรหลีกเลี่ยงสูตรนี้

เป็นไงครับสำหรับสามสูตรที่ให้มา มีแววจะได้ใช้สักสูตรไหม ใครลองใช้แล้วได้ผลอย่างไรกลับมาบอกกันบ้างนะครับสำหรับใครที่เอาเรื่องนี้ไปลงที่อื่นรบกวนใส่ลิ้งค์ชื่อเว็บเรา

http://ไทยสมุนไพร.net เพื่อให้เครดิตท้ายบทความด้วยนะครับ

ขอบคุณภาพประกอบจาก          และเว็บ  rspg.or.th สำหรับข้อมูลในเบื้องต้น


 

ต.ค. 022012
 

มะละกอ จริงๆแล้วจะว่ามะละกอเป็นพืช สมุนไพรไทย คงจะไม่ค่อยถูกนัก เพราะอะไร เพราะมะละกอเดิมเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกา (มาไกลแฮะ) ตอนมาก็หอบเสื่อผืนหมอนใบเข้ามาปัจจุบัน ออกลูกออกหลาน ขยายพันธ์เต็มบ้านเต็มเมืองเราได้ เริ่มต้นนั้นชาวยุโรปนำเข้ามาผ่านเรือสินค้าปัจจุบันก็กระจายกันไปจนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะบ้านเรามะละกอขึ้นชื่อมาก จนบางทีหลายคนคิดว่าถิ่นกำเนิดมาจากบ้านเรา อ้อฝรั้งนั้นรู้จักชื่อเสียงของมะละกอบ้านเราดี ในแง่ของการนำไปทำส้มตำหรือ papaya pok pok          (ปาปาย่า ป็อก ป็อก )    ไม่เชื่อ seach google ดูโดยใช้คำว่า papaya pok pok มีแต่เว็บฝรั่งทั้งนั้น)

ชื่อเรียกโดยทั่วไป papaya
ชื่อวิทยาศาสตร์ Carica papaya L.
วงศ์  CARICAEAE
ชื่อเรียกตามท้องถิ่น  ในข้อมูลไม่บอกไว้ด้วย รู้แต่ว่า ภาคกลางเรียก มะละกอ ภาคอิสานเรียก บักหุ่ง (ใครพอรู้ของภาคอื่นๆ post ไว้ที่ comment หน่อยนะครับ)

ลักษณะทั่วไปของมะละกอ

ลักษณะของ ต้นมะละกอลำต้น เป็นพรรณไม่เนื้ออ่อน ไม่เหมาะแก่การนำมาสร้างบ้าน (แหงล่ะ) บางต้นสูงได้ถึง 8 เมตร ทีเดียว ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ลำต้นตรง ก้านใบแตกออกมาลำต้นโดยตรง
ใบ เป็นแฉก มีรอยเว้าเล็กๆ คล้ายขนนก ใบมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 60 เซนติเมตร
ดอก มะละกอก็มีดอกนะครับถ้าไม่สังเกตจะไม่ค่อยเห็น ดอกตัวผู้มีสีเหลืองออกเขียว กลีบดอกบางยาว 2 ซม.ดอกตัวเมียไม่มีก้านดอก ยาว 7 เซนติเมตร เป็นดอกเดี่ยวและกระจุก กลีบดอกสีขาวเหลือง
ผล กลมยาวรี ผลดิบภายนอกมีสีเขียวเนื้อในสีขขาว เมื่อสุงอมจะมีสีเหลืองส้ม เนื้อหนานุ่ม น่ารับประทาน รสหวานฉ่ำ มีเมล็ดสีดำผิวขรุขระอยู่ด้านใน

สรรพคุณทาง สมุนไพรไทย
– นำผลดิบและผลสุกมาต้มกินเป็นยา ขับน้ำดี(ช่วยในการย่อยไขมัน) ขับน้ำเหลือง บำรุงน้ำนม ขับพยาธิ รักษาโรคริดสีดวงทวาร แบบไม่ต้องง้อยาริดสีดวงทวารตรา ปลามังกรคู่
– ผลสุกเป็นยาแก้ท้องผูกที่ดีมากๆ เป็นยาระบายชั้นดี
– นำเนื้อสุกมาปั่นพอกหน้าเพิ่มความชุ่มชื้น ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่เรื่อง “รวมสูตรสมุนไพร เพื่อการบำรุงผิวหน้าง่ายๆที่บ้าน

มะละกับการประกอบอาหาร และคุณค่าทางอาหาร
– มะละกอเอามาทำอาหารได้หลากหลาย แต่ถ้ามะละกอดิบ แน่นอนส้มตำส้มตำ หรือ papaya pok pok
– อย่าคิดว่ามะละกอดิบจะทำส้มตำได้อย่างเดียว หั่นเป้นแว่นๆพอคำ ใส่แกงส้มปลาช่อน ที่ไม่ใช่แกงส้มAF ได้
-มะละกอสุก นำมาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด หั่นเป้นชิ้นเล็กๆ นำไปปั่นผสมน้ำตาล หรือน้ำเชื่อม และใส่เกลือเล็กน้อย คลายร้อนได้อย่างดี
-มะละกออุดมไปด้วย

> แคลเซี่ยม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน

> วิตามินซี เป็น สารต้านอนุมูลอิสระ (คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้) และช่วยป้องกันเลือดอกตามไรฟัน

> วิตามินเอ บำรุงสายตาและระบบประสาท
นี่แหละครับคือคุณค่าของมะละกอที่ผมเอามาฝาก อ่านบทความจบแล้วจะไปหามะละกอสักลูกมาทานก็ไม่ว่ากันครับ ทานเผื่อผมด้วย

ข้อมูลอ้างอิง herb&healthy  ,thai wiki

หากท่านใดต้องการเอาบทความนี้ไปเผยแพร่ต่อผมไม่หวงครับ แต่ขอความกรณาลง link ที่มา จาก web                                                                                                                    http://ไทยสมุนไพร.net  ให้ด้วยนะครับ

 

 

ต.ค. 012012
 

จริงแล้วในบทความก่อนหน้านี้ผมเคยได้พูดถึงมะกอกไปแล้ว ในเรื่อง ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผลไม้ไทยที่ให้คุณค่า แต่ยังไม่มีโอกาศไปเจาะลึกถึงสรรพคุณด้านอื่นๆของมะกอก มาในบทความนี้จะขอลงลึกถึงเรื่องของมะกอก สมุนไพรไทยที่เราคุ้นเคย จนบางครั้งลืมไปถึงคุณค่าที่แฝงอยู่ในมะกอก

 ข้อมูลโดยทั่วไปของมะกอก

ผลมะกอกชื่อวิทยาศาสตร์ :  Spondias cytherea  Sonn.

ชื่อสามัญ :  Jew’s plum, Otatheite apple

วงศ์ :  Anacardiaceae

ชื่อพื้นเมืองหรือชื่อตามท้องถิ่น :  มะกอก (กลาง) กอกฤก กูก กอกหมอง (เหนือ)  กอกเขา (ใต้ทางนครศรีธรรมราช) กอก (ใต้) มะกอกดง ไพแซ  มะกอกฝรั่ง หมากกอก (อุดร-อีสาน-จังหวัดบ้านเกิดของผู้เขียน)

รูปร่างลักษณะของต้นมะกอก (ดูรูปประกอบ) : 

ลักษณะของต้นมะกอกลักษณะต้น สูง 7-12 เมตร เปลือกลำต้นมีสีเทาหรือน้ำตาลแดง

ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ก้านใบยาว ใบย่อยรูปไข่ค่อนข้างเรียวแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย

ดอก ออกเป็นช่อแบบเพนิเคิล* ตามปลายยอด ดอกย่อยมีกลีบดอก 5 กลีบ สีขาว ฐานรองดอกมีสีเหลือง เป็นดอกสมบูรณ์เพศ

* อธิบายนิดนึงถึงเผื่อไปเจอในบทความอื่นจะได้เข้าใจคำว่าช่อแบบ เพนิเคิล เป็นช่อดอกที่มีช่อดอกแตกออกมาจากช่อดอกใหญ่อีกทีหนึ่ง

ผล รูปไข่หรือรูปกระสวย มียางคล้ายไรไข่ปลา ผลอ่อนมีสีเขียวเข้ม ผลแก่มีสีเขียวอมเหลือง สุกมีสีส้ม เมล็ด กลมรี เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง และมีขนแข็งที่เปลือกหุ้มเมล็ด ที่เรามักเห็นจุดดำๆในมะกอกเป็นจุดที่เกิดจากการเก็บไว้นาน แล้วทำปฏิกริยากับอากาศ

ส่วนที่ใช้ประโยชน์ได้ :  ผล เปลือก ใบ ยาง เมล็ด

สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทย :

  • เนื้อผลมะกอก – มีรสเปรี้ยวฝาด หวานชุ่มคอ บำบัดโรคธาตุพิการ*โดยน้ำดีไม่ปกติ และมี่ประโยชน์แก้โรคบิดได้ด้วย

ธาตุพิการ หรืออาหารไม่ย่อย (Indigestion หรือ Dyspepsia) คือ อาการไม่สุขสบายที่เกิดขึ้น อาจมีเพียงอาการเดียว หรือหลายๆอาการพร้อมกัน อาจเกิดในขณะกินอาหาร และ/หรือภายหลังกินอาหาร เช่น แน่นท้อง อึดอัด เรอ แสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ บางครั้งอาเจียน

  • น้ำคั้นใบมะกอก – ใช้หยอดหู แก้ปวดหูได้ (ตรงนี้หากกรณีมีแมลเข้าหูและนำน้ำมันมะกอกนะครับ)
  • ผลมะกอกสุก – รสเปรี้ยว อมหวาน รับประทานทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำได้ดี  ลักษณะแบบตอนกินแล้วฝาดแต่พอกินน้ำตามแล้วหวานคอดีเช่น เดียวกันกับผลมะขามป้อม
  • เปลือก – ฝาด เย็นเปรี้ยว แก้ร้อนในอย่างแรง แก้ลงท้องปวดมวน แก้สะอึก
  • เมล็ดมะกอก – สุมไปให้เป็นถ่าน แช่น้ำ เอาน้ำรับประทานแก้ร้อนใน แก้หอบ แก้สะอึกดีมาก ใผ

ใบอ่อนหรือยอดอ่อน – รับประทานเป็นอาหารได้

ประโยชน์ทางอาหารของมะกอก

ยอดมะกอก ใช้เป็นอาหารได้

ส่วนที่เป็นผักคือยอดอ่อนและใบอ่อน ออกในฤดูฝน และออกเรื่อยๆ ตลอดทั้งปี ส่วนผลเริ่มออกในฤดูหนาว การปรุงอาหารคนไทยทุกภาคของเมืองไทยรู้จักและรับประทานยอดมะกอกเป็นผักสด

ในภาคกลางรับประทานยอดอ่อนใบอ่อน ร่วมกับน้ำพริกปราร้า เต้าเจี๊ยวหลน ชาวอิสานรับประทานร่วมกับ ลาบ ก้อย แจ่วป่นต่างๆ  โดยเฉพาะกินกับลาบนี่อร่อยเหาะ(ผู้เขียน)    สำหรับผลสุกของมะกอกนิยามฝานเป็นชิ้นเล็กๆใส่ในส้มตำหรือพล่ากุ้ง รสชาติจะอร่อยยิ่งๆขึ้น

คุณค่าทางอาหารของมะกอก

–        ยอดอ่อนของมะกอก  100 กรัม ให้พลังงาน 46 กิโลแคลอลี่ไม่มีบลาบลา

–        เส้นใย (fiber) 16.7 กรัม

–        แคลเซียม 49 มิลลิกรัม

–        ฟอสฟอรัส 80 มิลลิกรัม

–        เหล็ก 9.9 มิลลิกรัม

–        เบต้าแคโรทีน 2017 ไมโครกรัม

–        วิตามินเอ 337 ไมโครกรัมของเรตินอล

–        วิตามินบีหนึ่ง  0.96 มิลลิกรัม

–        วิตามินบีสอง  0.22 มิลลิกรัม

–        ไนอาซิน 1.9 มิลลิกรัม

–        วิตามินซี 53 มิลลิกรัม

น้ำมันมะกอกต้านมะเร็งผิวหนัง

ความนิยม น้ำมันมะกอกในบ้านเรามีมากขึ้น มีหลากหลายยี่ห้อวางขาย ใส่ผมบ้าง ทาผิวบ้างก็มี รวมไปถึงแบบที่ใช้ประกอบอาหาร ซึ่งแพงหน่อยนึง จริงๆการทานน้ำมันมะกอกชาวยุโรปฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนจะนิยมทานมานานแล้ว  แต่บ้านเราอาจไม่นิยมมากนัก เลยมีผู้ผลิตแบบใช้ประกอบอาหารไม่มาก ราคาจึงสูง   ซึ่งน้ำมันมะกอกนี้เองนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย โกเบ ของญี่ปุ่น ซึ่งไม่ใกล้กับโกฮับ ที่เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวของไทย (ตะลึ่งตึ่งโป๊ะ)  วิจัยมาแล้วว่ามีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังได้   โดยใช้นำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์ ทาหลังจากออกแดด โดยในน้ำมันมะกอกมี วิตามิน E และ C สูง ที่สามรถไปจัดการอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดเมื่อร่างกายได้รับรังสี UV จากแดดที่ทำลายเซลล์ผิวหนัง โดยน้ำมันมะกอกจะช่วยไปชะลอการเกิดเนื่องอก และลดความเสียหานที่เกิดกับเซลล์ได้

นำมันมะกอกกับการประกอบอาหาร

น้ำมันมะกอก ใช้ประกอบอาหารได้

อย่างที่บอกว่าน้ำมันมะกอกมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก ประกอบกับมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว จึงเหมาะกับการทอดด้วยความร้อนสูง สมารถใช้ซ้ำได้โดยไม่เกิดปฏิกริยาเปลี่นแปลงใดๆ (ไม่เกิดปฏกริยาออกซิเดชั่น จนเกิดเป็นสารพิษตกค้าง เหมือนไขมันสัตว์ และไขมันจากเมล็ดพืช)

อีกอย่างเมื่อนำมาทอดน้ำมันมะกอกจะทำให้อาหารดูดซึมน้ำมันเพียงเล็กน้อย ทำให้รสชาติอาหารดี ประกอบกับความหอมของน้ำมันมะกอก   จากหนังสือ Herb & Healthy ได้สรุปประโยชน์ของน้ำมันมะกอกไว้เป็นประเด็นดังนี้

1.ช่วยในการหมุนเสียนของดลหิต ป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ป้องกันความดันโลหิตสูงหัวใจล้มเหลว

2.ช่วยระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะตับอ่อน ลำไส้ ถุงน้ำดี ยังป้องกันการก่อตัวของนิ่วอีกด้วย

3.ช่วยในเรื่องผิวหนัง ให้มีความยืดหยุ่น และป้องกันมะเร็งดังที่ได้พูดไปแล้ว

4.น้ำมันมะกอกช่วยระบบการเผาผลาญอาหาร (metabolic function) ภายในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นทางเลือกที่ดีในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน (พบว่าระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดลดลง 12 % เมื่อรับประทานน้ำมันมะกอก)

5.ดีต่อระบบกระดูก เพราะน้ำมันมะกอกช่วยร่างกายในการดูดซึมแคลเซียมได้ดี

6.ป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระ ดังที่ได้กล่าวไปในบทความเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ

7.ทำให้ร่างกายทนทานต่อสารกัมมันภาพรังสี ได้ดีขึ้น (แต่ไม่ใช่ทานแล้วไป จับกากนิวเคลียร์เลยนะ อันนี้แค่ทำให้ร่างกาย ไวต่อผลจากรังสีน้อยลง ยังต้องป้องกันที่ชุดอยู่ดี) โดยน้ำมันมะกอกเป็นอาหารที่ถูกบรรจุใน list อาหารของนักบินอวกาศ

8. อาหารเด็กอ่อน เนื่องจากน้ำมันมะกอกมีน้ำมันตามธรรมชาติใกล้เคียงกับน้ำนมมารดา (แต่น้ำนมมารดา ต้องสำคํญที่สุดนะครับ อันนี้ใช้ทำพวกอาหารไว้เสริมให้เด็กกิน)

9. ป้องกันการชราภาพและยังยั้งการเสื่อมถอบของสมอง

10.ป้องกันภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจ จากการวิจัยพบว่าน้ำมันมะกอกช่วยลดระดับ คอเรสโตรอลชนิดเลวหรือ LDL แต่ไม่ทำให้ลด คอเรสโตรอลชนิดดี HDL ได้

นี่แหละครับคือประโยชน์จากมะกอก

 

ขอความกรุณาทุกท่านที่นำบทความนี้ไป share ต่อหรือไปลงที่ web อื่นๆ

รบกวนใส่ลิ้งค์   http://ไทยสมุนไพร.net  เพื่อให้เครดิต ด้วยนะครับ

ข้อมูลอ้างอิง    สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด – สมเด็จพระเทพ (www.rspg.or.th)  ,หนังสือ herb & health  ,thai  wikipedia

 

 

 

 

ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผลไม้ไทยที่ให้คุณค่าสูง

 ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย  ปิดความเห็น บน ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผลไม้ไทยที่ให้คุณค่าสูง
ก.ย. 302012
 

ผลไม้ไทย อุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ                  ผมอยากให้ทุกคนหันมาทานผลไม้ครับ เพราะมีผลไม้มากมายที่พวกเราควรรับประทานให้มากและบ่อย ขอย้ำอีกครั้งว่ามากและบ่อย สาเหตุเพราะป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุหลายๆชนิดซึ่ งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ที่จะทำให้มีสุขภาพทีดี เช่น ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่ายและนำสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย และที่สำคัญผลไม้เหล่านี้มักจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนติออกซิแด้ท์ (antioxidant)  ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกายเราอย่างมาก  ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเองช่วย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอื่นๆอีกมาก

เพิ่มเติมข้อมูลอีกนิด   สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) คือ เป็นสารที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้พวกอนุมูลอิสระก่อตัวขึ้น โดยจะทำการยับยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ และหยุดการก่อตัวใหม่ของอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากตัวอนุมูลอิสระที่ไปทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งช่วยกำจัดและแทนที่โมเลกุลที่ถูกทำลาย

ปัจจุบันนักวิจัยให้หันมาศึกษาวิจัยผลไม้ไทยที่เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มสมุนไพรไทยเป็อย่างมาก โดยนำไปวิจัยโดยกระบวนการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น (ตรงนี้พูดรวมไปถึงสมุนไพรไทยต่างๆด้วย)ทำให้คนไทยได้ตะหนักถึงคุณประโยชน์ของผลไม้ไทย และใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงย่างเข้าสู่การเริ่มต้นเปลี่ยนฤดูกาล ถ้าไม่รู้จักดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงเข้าไว้   การเจ็บไข้ได้ป่วยมาเยือนทันที แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย ที่เกิดมาในดินแดนที่มีภูมิประเทศอันอุดมสมบูรณ์ มีผลไม้ได้รับประทานกันทั้งปี พูดมาซะยาววันนี้ผมเลยจะมาแนะนำ 6 ผลไม้ ที่อุดมไปด้วยสารอนุมูลอิสระ


1. ฝรั่ง ผมเคยพูดถึงผรั่งไปแล้วในแง่ของสมุนไพรไทย ไปตามอ่านกันได้ที่ตอน ฝรั่ง ผลไม้หาทานง่าย ได้ประโยชน์

ฝรั่ง

อะไรที่พูดแล้วจะไม่พูดซ้ำ แต่จะพูดถึงในแง่ของสารต้านอนุมูลอิสระแล้วกันนะครับ    ฝรั่งนั้นเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี   สูงมากจนน่าทึ่ง  (141- 156 มิลลิกรัม/100 กรัม) มากกว่าส้มถึง 5 เท่า  และฝรั่งยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งทั้งวิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ต่างก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันอันตรายต่อเซลล์ และป้องกันหลอดเลือดอุดตัน พร้อมทั้งโพแทสเซียมที่ทำให้ความดันเลือดเป็นปรกติ นอกจากคุณค่าที่มากแล้วข้อดีของฝรั่งอีกอย่างคือ ราคาถูกนั้นเองครับ

2.มันเทศ (บ้านผมเรียกมันแกว)  พูดถึงมันเทศนั้น ยอดมันเทศมีสารต่างๆที่เป็นประโยชน์อยู่มากเช่น

– ฟีลอลิค Phenolic 429.19 มก.   สารประกอบฟีนอลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งสามารถมีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือด และมะเร็ง

– แทนนิน 90.23 มก.  แทนนิน มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย และเชื้อราได้ ใช้เป็นยา แก้ท้องร่วง แก้บิด สมานแผล แผลเปื่อย

โดยรวมมันเทศมี ดรรชนีแอนติออกซิแด้นท์ที่  2.32

3.มะกอก (ที่ไม่ใช่มะเหงก) มะกอกเป็นพืชสมุนไพรตัวหนึ่งที่คนไทยนิยมปลูก ให้ผลดก สามรถทำเป็นน้ำมันนมะกอกได้ อย่างน้อยคนที่เคยทานส้มตำปูปราร้า ต้องเคยใส่มะกอกบ้างแหละ มะกอกมีสารต่างที่มีคุณค่าดังนี้

– ฟีลอลิค Phenolic 712.85 มก.

– แทนนิน 123.18  มก.

และมีวิตามินซี 17.62 มก. มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 2.12


4.มะขาม พืชสมุนไพรไทย ตัวนี้ไม่ขอแยะยำมากเพราะ เคยเขียนเรื่องของมะขามในแง่สมุนไพรไว้

แล้ว ลองตามอ่านที่ มะขาม ผลไม้สมุนไพรมากคุณค่า  แต่จะขอสรุปสารต่างๆที่มะขามมีดังนี้

– ฟีลอลิค Phenolic 120.90 มก.

– แทนนิน 77.03  มก.

มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 1.26

5.มะตูม แต่ก่อนนั้นยอดมะตูมถือเป็นผักร่วมสำหรับอาหาร แต่เดี๋ยวนี้คงพบเห็นได้น้อยแล้ว แต่ที่เราคุ้นเคยจะเป็นในรูปของ น้ำมะตูม หรือชามะตูมมากกว่า ไม้งั้นก็ผลิตภัณฑ์จากมะตูมที่แปลรูปแล้ว (ตามร้าน OTOP)

แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปไหนมะตูมก็มีคุณค่าในตัวมันเอง โดยที่มะตูมมีค่าของดัชนีต้านดรรชนีอนมูลอิสระ หรือดรรชนีแอนติออกซิแด้นท์ (antioxidant Index)  ถึง 6.10

6.ฟักทองเป็นทั้งผัก และผลไม้ที่เรารู้จักกันดี ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ผมก็กำลังทานสังขยาฟักทองไปด้วย

สำหรับคุณค่ามนการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของฟักทองนั้นตัวหลักเลยคือวิตามินซี มีสูงถึง 24.78 มก.

-มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 1.00

ทั้งหมดนี้คือ ผลไม้สมุนไพรไทย 6 อย่าง ที่ผมนำมาฝาก จริงๆแล้วพวกผักหลายตัวก็มีสาร แอนติออกซิแดนท์เหมือนกันนะครับ ไว้จะเล่าให้ฟังวันหลัง  อย่าลืมทานผลไม้เยอะๆนะครับ  อุดหนุนเกษตรกรไทยด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ Herb&Healthly Vol4. และ สารานุกรมอาหาร www.foodworksolution.com

 

 

 

 

ข้อจำกัดในการใช้สมุนไพร

 ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย  ปิดความเห็น บน ข้อจำกัดในการใช้สมุนไพร
ก.ย. 302012
 

สมุนไพรไทยนับว่ามีประโยชน์อยู่มากมาย หากนำมาใช้อย่างถูกวิธี แต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อจำกัด โรคบางโรคอาการบางอาการ ก็ไม่ควรใช้สมุนไพร บทความวันนี้จึงขอนำเสนออีกแง่หนึ่ง เพราะการที่เราจะใช้อะไรนั้น เราต้องศึกษาถึงประโยชน์และข้อจำกัดของมันให้ถ้วนถี่

ข้อห้ามการใช้สมุนไพรอาการหรือโรคใดบ้างไม่ควรใช้สมุนไพรไทย(นำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน)


1.  เด็กอายุ 0-12 ปีถ้ามีอาการ ไข้สูง ไอมาก หรือหายใจมีเสียงผิดปกติ เหมือนกับมีอะไรติดอยู่ในลำคอ บางทีก็มีอาการหน้าเขียวด้วย (เป็นอาการของโรคโรคคอตีบ)นำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษากับแพทย์ทันที
2.  อาการเลือดออกสดๆ ตกเลือด หรือเป็นลิ่มเลือด จากทางไหนก็ตาม โดยเฉพาะทางช่องคลอด ให้พาไปพบแพทย์ทันที่ การเสียเลือดในปริมาณที่มากเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้
3. มีไข้สูง ตัวร้อนจัด ตาแดง ปวดเมื่อยมาก ซึม บางทีพูดเพ้อ สับสน ไม่ได้สติ อาจเป็นอาการของไข้หวัดใหญ่หรือไข้ป่าชนิดขึ้นสมอง
2.  ไข้สูงและดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) อ่อนเพลียมาก อาจเจ็บในแถวชายโครง อาจเป็นเกี่ยวกับตับเช่น โรคตับอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ ฯลฯ
3.  มีอาการปวดแถวสะดือ เวลาเอามือกดเจ็บปวดมากขึ้น หน้าท้องแข็ง อาจท้องผูกและมีไข้ (อาจเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ หรือลำไส้อักเสบ)
7.  ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด บางทีไม่มีเนื้ออุจจาระเลย ถ่ายบ่อยมาก อาจมากถึง 10 ครั้งต่อชั่วโมง อ่อนเพลียมาก (อาจเป็นโรคบิดชนิดรุนแรง)
4.  มีอาการเจ็บแปลบในท้องคล้ายมีอะไรฉีกขาด ปวดท้องรุนแรงมาก อาจมีอาการตัวร้อนและคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย บางคนมีประวัติปวดท้องบ่อยๆ มาก่อน (อาจมีการทะลุของกระเพาะอาหารหรือลำไส้ทะลุ)
5.  อาเจียนเป็นเลือด หรือไอเป็นเลือด (อาจเป็นโรคร้ายแรงของกระเพาะอาหารหรือปอด) ต้องให้คนไข้นอนพักนิ่งๆ ก่อน ถ้าแพทย์อยู่ใกล้ควรเชิญมาตรวจที่บ้าน (กรณีเหตุด่วนฉุกเฉิน เราสามรถขอความช่วยเหลือ ที่หมายเลข 1669) ถ้าจำเป็นต้องพาไปพบแพทย์ ควรรอให้เลือดหยุดเสียก่อน และควรพาไปโดยวิธีการกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
6.  ท้องเดินอย่างแรง  อุจจาระเป็นน้ำ บางทีมีลักษณะคล้ายน้ำซาวข้าว บางทีถ่ายพุ่ง ถ่ายติดต่อกันอย่างรวดเร็ว คนไข้อ่อนเพลียมาก ตาลึก หนังแห้ง (อาจเป็นโรคอหิวาตกโรค) ต้องพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

เมื่อรู้จัดฃกอาการที่ไม่ควรใช้สมุนไพรแล้ว คราวนี้มาดูอาการที่สามารถใช้สมุนไพรได้บ้าง

กลุ่มหรือโรคที่สามารถใช้สมุนไพรไทยรักษาได้กลุ่มโรค/อาการเบื้องต้นที่สมารถใช้สมุนไพรมี 18 กลุ่มโรคหรืออาการ ดังนี้
–  อาการคลื่นไส้ อาเจียน สาเหตุเช่นมาจากการพักผ่อน เมารถ เวียนศรีษะ
–  อาการไอ ขับเสมหะ
–  อาการไข้
–  อาการขัดเบา (คือปัสสาวะขัด ปัสสาวะกะปริบกะปรอยแต่ไม่มีอาการบวม)
–  อาการท้องผูก
–  อาการท้องอึดอัด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด
–  อาการท้องเสีย ชนิดที่ไม่รุนแรง-  โรคกลาก
–  โรคเกลื้อน
–  อาการนอนไม่หลับ อาจเกิดจากความเครียด แนะนำให้ใช้การนั่งสมาธิ ฟังเพลง ดูหนัง เพื่อผ่อนคลาย ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง เข้าร่วมด้วย
–  ฝี แผลพุพอง เฉพาะภายนอกเท่านั้น
–  รเคล็ดขัดยอก เฉพาะภายนอกเท่านั้น
–  อาการแพ้ อักเสบ แมลงสัตว์กัดต่อย (ยกเว้นงูกัด)
–  แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
–  เหา
–  ชันนะตุ
–  พยาธิลำไส้
–  บิด

อาการเหล่านี้สามรถใช้สมุนไพรได้  และต้องหยุดใช้เมื่ออาการหายไป แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นภายในสองถึงสามวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักาต่อไป     

ขอขอบคุณ http://www.rspg.or.th/ สำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ยิ่ง

ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรทะลายไข้

 ช่วยสมานแผล, พืชสมุนไพร, ลดไข้, แก้ไอ ขับเสมหะ  ปิดความเห็น บน ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรทะลายไข้
ก.ย. 292012
 

หากใครจำเหตุกรณ์ เมื่อตอนที่ไข้หวัด 2009 ระบาดได้จะพบว่าตอนนั้นมีพืชชนิดหนึ่ง ที่ได้รับกระแสความนิยม นั่นคือสมุนไพรไทยที่ชื่อฟ้าทะลายโจร ถึงขนาดกระทรวงสาธารณะสุขออกมาส่งเสริมให้ประชาชนปลูกและใช้
และมีการทำยาลักษณะแคปซูลออกมาขายมากมาย วันนี้เรามารู้จักพืชชนิดนี้กันนะครับ

สมุนไพรไทย ฟ้าทลายโจรข้อมูลทั่วไป
ชื่อวิทยาศาสตร์ Andrographis paniculata Wall. ex Ness.
สกุล  ACANTHACEAE
ชื่อเรียกตามท้องถิ่น
ฟ้าทะลายโจร น้ำลายพังพอน (กรุงเทพฯ) ฟ้าสาง (ชลบุรี) หญ้ากันงู (สงขลา) สามสิบดี (ร้อยเอ็ด) ฟ้าสะท้าน (พัทลุง) เขยตายยายคลุม (อ.โพธาราม) เมฆทะลาย (ยะลา) เรียกได้ว่ามีชื่อเรียกหลากหลายทีเดียว

ลักษณะของพืชชนิดนี้

ต้น เป็นไม้ล้มลุก ที่มีลำต้นตั้งตรง ส่วนปลายกิ่งเป็นสี่เหลี่ยม จะแตกกิ่งก้านออก เฉพาะด้านข้างเท่านั้น กิ่งก้านมีสีเขียว และ จะสูงประมาณ 30-60 ซม.
ใบ ออกใบเดี่ยว ลักษณะของใบแคบ ตรงปลายและโคนใบแหลม ผิวใบเป็นมันมีสี เขียว
ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ และส่วน ยอดของต้น ลักษณะของดอกเป็นหลอด ปลาย ดอกแยกออกเป็น 5 กลีบ สีขาว หรืออมม่วง อ่อนๆ ดอกจะแบ่งออกเป็น 2 ปาก ที่ปากบน แยกออกเป็น 3 กลีบ ล่าง 2 กลีบ มีกลีบ เลี้ยง 5 กลีบ
ผล คล้ายกับผลของต้นต้อยติ่ง แต่มี ขนาดเล็กและสั้นกว่า ผลนี้จะตั้งมุมก้านดอก เมื่อผลแก่เต็มที่ก็แตกออกเป็นสองซีกทำให้ มองเห็นเมล็ดภายในสีน้ำตาลแบนๆ มีอยู่จำนวนมาก

การขยายพันธุ์ เป็นไม้กลางแจ้ง ขึ้นได้ ในดินทุกชนิด และจะปลูกได้ทุกฤดูกาลด้วย ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

ส่วนที่ใช้ ทั้งต้น (สด- แห้ง) และใบ

สรรพคุณ

ใบ รักษาแผลน้ำร้อนลวก แก้ไฟไหม้ โดยการนำมาบดผสมกับน้ำมันพืชใช้ทาตรง บริเวณที่เป็นแผล

ใบและทั้งต้น แก้บิดชนิดติดเชื้อ แก้ทางเดิน อาหารอักเสบ แก้หวัด แก้ทอนซิล แก้ปอด อักเสบ เรียกได้ว่าเรื่องของหวัดไข้ แก้ได้อย่างครบวงจรเลยทีเดียว แก้อาการท้องเดิน โดยใช้ต้น แห้งประมาณ 1 – 3 กำมือเอามาหั่น แล้วต้ม กับน้ำดื่ม ส่วนเป็นยาแก้ไข้นั้นให้ใช้ครั้งละ 1 กำมือ ต้มกับน้ำดื่มเวลามีอาการ หรือก่อน อาหารเช้าเย็นและถ้าเป็นโรคภายนอก

วิธีการทำยาเค็ปซูล นำใบมาตากแห้ง บดให้ละเอียด และนำมาบรรจุในแคปซูลเปล่าเพื่อรับประทาน(แคบซูลเปล่าหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไป)

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของฟ้าทลายโจร สมุนไพรไทยที่เรานำมาฝากกัน

ขอบคุณกรมการแพทย์แผนไทยสำหรับข้อมูล

ก.ย. 292012
 

ทับทิม เป็นพืชสมุนไพรไทย หรือจะเรียกว่าเป็น ผลไม้สมุนไพรก็ได้ ด้วยรสชาติที่หอมหวานจึงมีคนนำทับทิมมาประยุกต์เป็นอาหารที่หลาหลาย เช่นนำมาใส่ของหวาน ทำทับทิมลอยแก้ว นอกจากนี้ในด้านการเป็นสมุนไพร ทับทิมยังมีสรรพคุณต่างๆอีกมากมาย

ทับทิม สมุนไพรไทยข้อมูลทั่วไปของทับทิม
ชื่อวิทยาศาสตร์   Punica granatum Linn.
ชื่อวงศ์ PUNICACEAE

ชื่อเรียกตามแต่ละท้องถิ่น
มะแก๊ะ (เหนือ) มะก่องแก้ว พิลาขาว (น่าน) หมากลิง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) พิลา (หนองคาย) เจียะลิ้ว (จีน)

ลักษณะโดยทั่วไป
ต้น เป็นไม้ยืนต้น หรือไม้พุ่ม ขนาดเล็ก ลักษณะผิวเปลือกลำต้นมีสีเทา ส่วนที่เป็นกิ่งหรือยอดอ่อนจะเป็นเหลี่ยม หรือ มีหนามแหลมยาวขึ้น
ใบ ใบมีลักษณะเป็นรูปยาวรี โคนใบมน แคบ ส่วนปลายใบเรียวแหลมสั้น ผิวหลังใบ เกลี้ยงเป็นมัน ใต้ท้องใบจะเห็นเส้นใบได้ชัด ขนาดของใบกว้างประมาณ 1 – 1.8 ซม. ยาว ประมาณ 2.5 – 6 ซม.
ดอก ดอกออกเป็นช่อ หรืออาจจะเป็น ดอกเดียว ในบริเวณปลายยอด หรือง่ามกิ่ง ลักษณะของดอกมีเป็น สีส้ม สีขาว หรือสีแดง ดอกหนึ่งมีกลีบดอกประมาณ 6 กลีบ ปลายกลีบ ดอกจะแยกออกจากกัน ตรงกลางดอกมีเกสร ตัวเมีย และตัวผู้ซึ่งมีอับเรณูเป็นสีเหลือง ขนาดของดอกบานเต็มที่มีเส้นผ้าศูนย์กลางประมาณ 2 – 3 ซม. ผลมีลักษณะเป็นรูปค่อนข้าง กลม ผิวเปลือกนอกหนาเกลี้ยง ผลเมื่อแก่หรือ สุกเต็มที่มีสีเหลืองปนแดง และลักษณะของผล จะแตก หรืออ้างออก ข้างในผลก็จะมีเมล็ดเป็น จำนวนมาก เป็นรูปเหลี่ยม มีสีชมพูสด

การขยายพันธุ์ ทับทิมนั้นเป็นพืชที่โตได้ดีในดินปนทรายหรือดินที่มีกรวด สามารถขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง หรือการใช้ เมล็ด

ส่วนที่ใช้ เปลือกลำต้น , ใบ , ดอก, เปลือกผล , เมล็ด , และเปลือกราก

สรรพคุณ

ใบ ใช้ใบสดนำมาต้ม กรองเอาน้ำใช้ล้าง แผลเนื่องจากมีหนองเรื้อรังบนหัว หรือใช้ใบ สดนำมาตำให้ละเอียดแล้วเอาไปพอกในบริเวณที่เป็นแผลถลอก เนื่องจากหกล้มได้เป็น ต้น

เปลือกต้น ในเปลือกของลำต้นจะมีอัลกาลอยด์ประมาณ 0.35 – 0.6 ฺ% และอัลกาลอยด์ในเปลือกของลำต้นนี้ มีชื่อเรียกว่า Pelle tierine และ Isopelletierine ซึ่งเป็นยา ถ่ายพยาธิได้ผลดี

เมล็ด ใช้เมล็ดที่แห้งแล้วประมาณ 6 – 9 กรัม นำมาบดให้ละเอียด หรือทำเป็นยาก้อน หรือยาลูกกลอน กิน เป็นยาแก้โรคปวด จุกแน่น เนื่องจาก โรคกระเพาะอาหาร บำรุงกระเพาะอาหาร ทำ ให้เจริญอาหาร และแก้ท้องร่วง เป็นต้น

เปลือกราก ใช้เปลือกรากที่แห้งแล้ว ประมาณ 6 – 12 กรัม นำมาต้มน้ำกิน เป็นยาแก้ระดูขาว ตกเลือด ถ่ายพยาธิ หล่อลื่นลำไส้ แก้ท้องเสีย และโรคบิดเรื้อรังเป็นต้น

ดอก ใช้ดอกที่แห้งประมาณ 3 – 6 กรัม นำมาต้มกรองเอาน้ำดื่ม เป็นยาแก้ให้เลือด กำเดาแข็งตัว และแก้หูชั้นในอักเสบ หรือใช้ ดอกแห้งนำมาบดให้ละเอียดแล้วใช้ทา หรือโรยบริเวณบาดแผลที่มีเลือดออก

เปลือกผล ใช้เปลือกผลที่แห้งแล้วประมาณ 2.5 – 4.5 กรัม นำมาบดให้ละเอียด หรือนำ มาต้มน้ำกิน ใช้เป็นยาแก้โรคท้องเสีย โรค บิดเรื้อรัง ถ่ายเป็นมูกเลือด ถ่ายพยาธิตกขาว ดากออก แผลหิด และกลากเกลื้อนเป็นต้น

 

เป็นไงบ้างครับประโยชน์ของทับทิม ว่าแล้วก็เด็ดมาทานสักลูกจากต้นข้างบ้านดีกว่า

ขอบคุณกรมการแพทย์แผนไทยสำหรับข้อมูล

ก.ย. 292012
 

มะระขี้นก เป็นพืชชนิดหนึ่งที่คนไทยเรารู้จักดีและ โดยเฉพาะในเรื่องของการนำมารัปประทาน เป็นผักที่ใช้ทานคู่กับน้ำพริก (พูดมาแล้วน้ำลายไหล) แม้จะมีรสค่อข้างขม (ถ้าลวกดีๆก็ไม่ขมนะ) แต่รสชาติโดยรวมถือว่าใช้ได้ ซ้ำยังมีสรรพคุณทางยาอีกมายมาย

ข้อมูลทั่วไป
มะระขี้นกมะระขี้นก สมุนไพรไทย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Momordica charantia Linn.
ชื่อสกุล  CUCURBITACEAE
ชื่ออื่นที่เรีกกันตามภูมิภาค
ผักไซ (ภาคอิสาน) ผักสะไล มะไห่ ผักไห่ (ภาคเหนือ)

ลักษณะทั่วไป

ต้น เป็นไม้เถา ที่มีลำต้นเลื้อย พาดพันตามต้นไม้ หรือตามร้าน ลักษณะลำต้น เป็นเส้นเล็ก ยาว ลำต้นมีขนขึ้นประปราย
ใบ ใบออกเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบหยักเว้าลึก มี 5 – 7 หยัก ปลายใบแหลม ใบมีสีเขียวอ่อน มีรสชาดขม
ดอก ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว ออกตาม บริเวณง่ามใบ ลักษณะของดอกมีสีเหลือง กลีบ ดอกบาง ช้ำง่าย
ผล ผลมีลักษณะเป็นรูปกระสวยสั้น พื้น ผิวเปลือกขรุขระ และมีปุ่มยื่นออกมา ผลอ่อน มีเป็นสีเขียว เมื่อแก่เต็มที่ก็จะเปลี่ยนเป็นสี เหลืองอมแดง และผลนั้นก็จะแตกอ้าออก ข้าง ในผลก็จะมีเมล็ดอยู่ เป็นรูปกลม แบน ถ้า เมล็ดสุกก็จะมีสีแดงสด

การขยายพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชอบขึ้น ตามบริเวณที่ลุ่มชื้นแฉะ มีการขยายพันธุ์ด้วย การใช้เมล็ด

 

สรรพคุณ

ผล ใช้ผลสด นำมาต้มหรือประกอบเป็น อาหารใช้รับประทาน มีคุณค่าในการช่วยบำบัดโรคเบาหวาน บำรุงธาตุ หรือใช้ผลแห้งนำ มาบดให้ละเอียด ใช้โรยบริเวณที่เป็นแผล ใช้ทาแก้คัน หิด และโรคผิวหนัง เป็นต้น

ราก ใช้ปรุงเป็นยาบำรุง ฝาดสมาน แก้ ริดสีดวงทวาร และเป็นยาธาตุ เป็นต้น

ใบ ใช้ใบสด นำมาลวก หรือต้มกินเป็น ยาฟอกเลือด ยาระบาย เจริญอาหาร หรือใช้ ใบแห้ง นำมาบดให้ละเอียดกับน้ำกินเป็นยา ขับพยาธิ ขับลม และบำรุงธาตุ เป็นต้น

ใบและผล ใช้ใบและผลสด นำมาตำให้ ละเอียดแล้ว คั้นเอาน้ำกินเป็นยาแก้จุกเสียด แน่นท้อง ขับลม บำรุงธาตุ ขับลม และสามารถใช้เป็นยาช่วยถ่ายพยาธิ

 

นี่แหละครับคือประโยชน์ของมะระขี้นกอ่านแล้วยิ่งอยากนำมารับประทานมากขึ้น
ขอบคุณกรมการแพทย์แผนไทยสำหรับข้อมูล

วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัวตอน รางจืด ขับสารพิษ

 วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพร  ปิดความเห็น บน วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัวตอน รางจืด ขับสารพิษ
ก.ย. 282012
 
วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพรไทย

สมุนไพรไทย ที่ได้นำมาฝากในวันนี้อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ไปที่ไหนก็มีแต่มลพิษ ที่เรารับเข้าไปทุกวัน ทุกวัน จะอากาศเสียเอย สารเคมีเอย ทุกสิ่งทุกอย่างมันรุมเร้าร่างกายเราไปหมด จะดีไหมถ้ามีสมุนไพรสักตัว ที่ช่วยลดตรงนี้ได้

ขอบคุณกรมการแพทย์แผนไทยสำหรับวีดีโอตอนนี้ครับ

ก.ย. 262012
 

ช่วงนี้กระแสเห็ดฟีเวอร์ มีการนำเห็ดมาสกัดผสมกับซุปไก่ยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ตอนโฆษณาเขาใช้คำว่าเห็ด ซิทาเกะ ฟังดูออกญี่ปุ่นมาก แต่จริงแล้วเห็ดชนิดนี้คนไทยเราคุ้นเคยมานาน ซึ่งมันก็คือเห็ดหอมนั้นเองครับ แม้เห็ดหอม ไม่ได้เป็น สมุนไพรไทย แต่คนไทยเราก็รู้จักกันดี โดยเฉพาะสรรพคุณในการต้านมะเร็ง ทางเว็บเราจึงขอตามกระแสหน่อยด้วยการนำข้อมูลของเห็ดหอมมานำเสนอ

เห็ดหอม หรือ shiitake mushroom ภาพที่เห็นคือ เห็ดหอมแห้ง ที่ผ่านการตาก หรือ อบชื่อสามัญ :Shiitake Mushroom

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lentinus edodes (Berk.) Sing.

ชื่ออื่น : ญี่ปุ่นเรียกว่า ไชอิตาเกะ เกาหลีเรียกว่า โบโกะ จีนเรียกว่าเฮียโกะ

ภูฏาน เรียก ชิชิ-ชามุ อังกฤษเรียกว่า Black Mushroom หรือ เห็ดดำ

ถิ่นกำเนิด: ประเทศจีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และไต้หวัน

ลักษณะทางพฤกษศาตร์: หมวกเห็ดหอมมีรูปทรงกลม ผิวมีขนรวมกันเป็น เกล็ดหยาบๆ สีขาวกระจายอยู่ทั่วไป ผิวหมวกด้านบนสีน้ำตาล น้ำตาลปนแดงหรือ น้ำตาลเข้ม ครีบดอกเป็นแผ่นบางสีขาว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ก้านดอกมีสีขาวหรือน้ำตาลอ่อน หากปล่อยไว้ให้ถูกอากาศจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม โคนก้านดอกสีน้ำตาลอ่อน เนื้อในสีขาว เห็ดหอมเนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงได้ชื่อว่า เห็ดหอม

ฤดูกาล : ตลอดปีแต่จะให้ผลผลิตดีในช่วบงฤดูหนาว

แหล่งปลูก : ภาคเหนือแถบจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ภาคอีสานแถบจังหวัดเลยและสกลนคร

การกิน  : เห็ดหอมที่นำมากินมีทั้งเห็ดหอมสดและเห็ดหอมแห้ง หากเป็นเห็ดหอมแห้งจะต้องนำมาแช่น้ำก่อนปรุงอาหาร เช่นเห็ดหอมผัดน้ำมันหอย เห็ดหอมตุ๋น โจ้กเห็ดหอม ใส่ในข้าวผัด และผัดผัก เป้นต้น

สรรพคุณทางยา: คนจีนใช้เห็ดหอมเป็นอายุวัฒนะ รักษาหวัดทำให้เลือดลมดี แกโรคหัวใจ ป้องกันการเติบโตของเนื้อร้าย ต้านพิษงู ป้องกันโรคเลือดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคมะเร็ง โรคร้ายจากเชื้อไวรัส เห็ดหอมมีกรดอะมิโนชื่อ eritadenine ช่วยให้ไตย่อยโคเลสเตอรอล ได้ดี มีสารเลนติแนน (Lentinan)ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ ในระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ ในการต่อสู้กับเซลล์เนื้องอก ป้องกัน และต้านมะเร็ง

รวมสูตรสมุนไพร เพื่อการบำรุงผิวหน้าง่ายๆที่บ้าน

 สูตรยาสมุนไพร  ปิดความเห็น บน รวมสูตรสมุนไพร เพื่อการบำรุงผิวหน้าง่ายๆที่บ้าน
ก.ย. 262012
 

สมุนไพรบำรุงผิวหน้าไก่งามเพราขน คนงามเพราะแต่ง คำคำนี้ ผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ยังใช้ได้อยู่ วันนี้เอง เรามีสูตรยาสมุนไพร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรไทย เพื่อผิวหน้าสวย มาฝากสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ จะนำมาใช้ก็ไม่ว่ากัน รับรองความปลอดภัย เพราะใช้ สมุนไพรไทย ล้วนๆ และหาได้ไม่ยาก ครับ

เนื่องจากสมุนไพรบำรุงผิวหน้า มีมากถึง 9 วิธีให้เลือกเอาตามใจชอบ และเวลาที่เอื้ออำนวย
สูตรที่1. กระชับรูขุมขนบนใบหน้า ท่านใดมีปัญหารูขุมขนกว้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มำให้หน้าเราดูไม่เรียบเนียนมีสิ่งสกปรกอุดตันลองใช้ดู

ส่วนผสมที่ใช้    น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ และใช้ไข่ขาว 1 ฟอง ตีให้เข้ากัน

วิธีใช้ ทาบริเวณใบหน้าและเว้นรอบบริเวณดวงตา นวดคลึงเบา ๆ 5 นาที แล้วทิ้งไว้ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด ทำแค่ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์
 

สูตรที่2. ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส ซึ่งสูตรนี้เป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นตามธรรมชาติคืนแก่ผิว

ส่วนผสมที่ใช้ ฝักทอง ½ ถ้วย มะละกอ ½ ก้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง ผสมเข้ากัน

วิธีใช้ ล้างหน้าให้สะอาด ชับพอหมาด นำส่วนผสมที่ใช้พอกให้ทั่วหน้า เว้นรอบบริเวณดวงตา พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วใช้สำลี ชุบน้ำอุ่นเช็ดออก ทำอาทิตย์ละครั้ง

สูตรที่3. สูตรลดความหมองคล้ำ เพื่อเพิ่มความสดใสให้ใบหน้าของคุณ

ส่วนผสมที่ใช้ มะเขือเทศ 1 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากัน

วิธีใช้ ทาทั่วหน้า ขัดเบา ๆ 10-15 นาที เช็ดออก ล้างด้วยน้ำเย็น ทำ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์

 สูตรที่4. สูตรลดและขจัดสิวเสี้ยน  ปัญหาสิวเสี้ยนหลายท่านยังเป็นปัญหากวนใจอยู่ลองสูตรนี้ดูไม่เสียหลาย

ส่วนผสมที่ใช้ มะเขือเทศ 1 ลูก สตอเบอรี่ 5 ลูก น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากัน

วิธีใช้ ทาหน้า เว้นรอบบริเวณดวงตา นวดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน 10 – 15 นาที เช็ดออก ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ทำ 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์

       

สูตรที่5. สูตรผิวขาว นวลเนียน นี่ก็เป็นอีกสูตรที่ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส แบบเป็นธรรมชาติ

ส่วนผสมที่ใช้ มะละกอสุกงอม 1 ถ้วย นมสด ½ ถ้วย น้ำส้มคั้น 2 ช้อนโต๊ะ ปั่นเข้ากัน

วิธีใช้ ทาทั่วหน้า เว้นรอบตา พอกทิ้งไว้ 40-50 นาที ล้างออก ทำ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์

 

สูตรที่6. สูตรเร่งการผลัดผิว ขจัดเชลล์ผิวเก่า เซลล์ที่เสื่อมสภาพเพื่อหน้าคงความอ่อนเยาว์

ส่วนผสมที่ใช้ บร็อกโคลีหั่นละเอียด ½ ถ้วย นมสด ½ ถ้วย ผสมเข้ากัน

วิธีใช้ ทาทั่วหน้า เว้นรอบบริเวณดวงตา ขัดเบา ๆ พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที เช็ดออก ล้างด้วยน้ำเย็น ซับหน้าให้แห้ง ทาครีมบำรุงทับอีกครั้ง ทำ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์

 

สูตรที่7. สูตรผิวชุ่มชื้น สดใส  อีกสูตรที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

ส่วนผสมที่ใช้ วุ้นว่านหางจระเข้ 1 ถ้วย มะม่วงสุก ½ ถ้วย น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากัน

วิธีใช้ พอกหน้าบาง ๆ ก่อนเข้านอน ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นตอนเช้า ทำ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์

 

สูตรที่8. สูตรลดอาการแสบร้อของผิว อาการอักเสบต่างๆที่เกิดจากแดด มลพิษ 

ส่วนผสมที่ใช้ คั้นน้ำแตงโม ½ ถ้วย ผสมนมสด ½ ถ้วย คนเข้ากัน

วิธีใช้ ทาทั่วผิวที่โดนแดดทิ้งไว้ 30 นาที ใช้สำลีชุบน้ำเย็นจัด เช็ดออก หรือใช้เนื้อแตงโมสดถูผิวที่โดนแดด ทิ้งไว้จนแห้งแล้วใช้น้ำเย็นล้างออกก็ได้

 

สูตรที่9. สูตรผิวกระจ่างสดใส สูตรนี้เป็นสูตรสุดท้ายแล้วลองดูกัน

ส่วนผสมที่ใช้ แอปเปิลหั่นชิ้น 1 ลูก น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ ปั่นเข้ากัน

วิธีใช้ ทาทั่วหน้า เว้นรอบบริเวณดวงตา พอกทิ้งไว้ 20-30 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำอาทิตย์ละครั้ง

ทั้งหมดนี้คือสูตรของสมุนไพรไทยบำรุงผิวหน้า หลายสูตรอาจคล้ายๆกัน เพื่อให้ลองเลือกดู เพราะหลายท่านไม่สามารถหาพืชชนิดหนึ่ง หรือผลไม้ชนิหนึ่ง ก็อาจใช้สูตรอื่นๆทดแทนกันได้ ผลไม้ที่เหลือพืชที่เหลือ ก็เอามาทานได้ไม่เสียหลายหากซื้อมาเยอะ ได้ทั้งผิวหน้าและร่างกายแข็ํงแรงอีกตั้งหาก ลองดูกันได้นะครับ ดีไม่ดีอย่างไรเราไม่ว่ากัน แต่อย้างน้อยก็รับประกันไม่เป้นอันตรายใด มิหนำซ้ำถ้าได้ผลดี ต่อไปท่านอาจไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางราคาแพงเลยก็เป็นได้

สูตรยาจุดกันยุง สมุนไพรไทย

 สูตรยาสมุนไพร  ปิดความเห็น บน สูตรยาจุดกันยุง สมุนไพรไทย
ก.ย. 252012
 

ปัญหาเรื่องยุง เป็นปัญหาที่กวนใจคนเรา ไม่ว่าจะสร้างความรำคาญ หรือ เป็นพาหะนำโรค นอกจากการใช้สารเคมีแล้ว เรายังมีทางเลือก ในด้านสมุนไพร ที่จะสามารถนำมาทดแทนสารเคมีเหล่านี้ได้
สำหรับขั้นตอน ไม่ยากเลยครับ

ส่วนผสมที่ใช้
1.เปลือกส้ม ที่ทำการตากแห้งแล้ว 150 กรัม
2.ตะไคร้ หาซื้อได้ตามตลาด 50 กรัม
3.ขี้เลื่อย เพื่อให้ยากันยุงเราติดไฟได้ 50 กรัม (หากหาไม่ได้ ไม่ยากครับ ใช้ไม้อะไรก็ได้ เหลาทำขี้เลื่อย จะไม้เสียบลูกชิ้น หรือขาโต๊ะ ก็ไม่ว่ากัน)
4.แป้งเปียก 200 กรัม

พอได้ส่วนผสมครบแล้วก็ลงมือได้
1.นำเปลือกส้ม ตะไคร้มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
2.นำขี้เลื่อยไปตากให้แห้ง แล้วนำมาบดให้ละเอียด
3.คลุกเคล้าส่วนผสมรวมกันโดยใช้ เปลือกส้ม 3 ส่วน ตะไคร้ 1 ส่วน ขี้เลื่อย 1 ส่วน
4.นำแป้งเปียกมาคลุกรวมกันให้เหนียว
5.เสร็จแล้วนำมาปั้นเป้นแท่งลักษณะเหมือนธูป หรือจะทำเป็นรูปกรวยก็ไม่ว่ากัน แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง โดยใช้เวลาตาก 2 ถึง 3 วันยากันยุงสมุนไพร สมุนไพรไทย

เพียงแค่นี้เราก็จะมียาจุดกันยุงสมุนไพรไทยใช้เองแล้ว
ของคุณ เยสไทสปา สำหรับข้อมูลในเบื้องต้นครับ

วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัว ตอน ยำดอกแค

 วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพร  ปิดความเห็น บน วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัว ตอน ยำดอกแค
ก.ย. 252012
 
วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพรไทย

สำหรับวีดีโอตอนนี้ มาในแนว ของการนำสมุนไพรไทยมาประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ ใครว่างๆจะลองทำดูได้ไม่เสียหลายนะครับ ขอบคุณกรมการแพทย์แผนไทยเจ้าของวีดีโอชุดนี้

ขอบคุณกรมการแพทย์แผนไทยสำหรับข้อมูลดีๆ

วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัว ตอน ว่านหางจระเข้

 วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพร  ปิดความเห็น บน วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัว ตอน ว่านหางจระเข้
ก.ย. 252012
 
วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพรไทย

สำหรับวีดีโอในตอนนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ว่านหางจระเข้ ว่ามีประโยชน์ และ วิธีการใช้อย่างไร เช่นเคยวีดีโอนี้มาจาก กรมการแพทย์แผนไทย ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล

วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัว ตอน มะกรูด มะนาว

 วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพร  ปิดความเห็น บน วีดีโอเรื่อง สมุนไพรใกล้ตัว ตอน มะกรูด มะนาว
ก.ย. 242012
 
วีดีโอเกี่ยวกับสมุนไพรไทย

วีดีโอความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรใกล้ตัว ตอน มะกรูด มะนาว ซึ่งจัดทำโดยโดย กรมการแพทย์แผนไทย เป็นเนื้อหาที่ดีมากๆ ซึ่งรวบรวมประโยชน์ด้านสมุนไพรไทย ของมะกรูดและมะนาว เลยเอามาให้ชมกัน