มี.ค. 222016
 

เป็นข่าวที่เกรียวกราวและน่าตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีอุบัติเหตุรถยนต์หรูยี่ห้อเบนซ์ชนกับรถฟอร์ด ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้และมีผู้เสียชีวิต ! ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นข่าวที่น่าสลด และมีประเด็นอีกหลายหลายตามมาในโลกออนไลน์ แต่ส่วนหนึ่งบอกว่าผู้ที่ขับรถเบนซ์ขับรถด้วยความประมาทจนเกิดเหตุนี้ขึ้น… เอาล่ะ เรื่องราวข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรเราก็ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานพิสูจน์หลักฐาน แต่ที่เราอยากจะมาพูดคุยกันในวันนี้ก็ด้วย

สมุนไพร คลายเครียด

สมุนไพร คลายเครียด

เรื่องของการใช้สมุนไพร เพื่อบำรุงสมองและประสาท เพื่อที่จะทำให้เรามีสติ และอารมณ์ที่

แจ่มใสขึ้น

เมื่อคนเรามีสติการตัดสินใจในการทำอะไรก็จะดีขึ้น และเราจะสามารถลดปัญหาเรื่องอุบัติเหตุได้อีกด้วย เนื่องจากเรามีสติระลึกรู้และสามารถควบคุมตัวเองได้มากขึ้น…

สมุนไพรที่น่าสนใจในเรื่องการบำรุงสมองและระบบประสาทขนานเอกในยาตำรับไทยชนิดหนึ่งก็คือ “เทียนทั้งห้า” หรือเรียกอีกชื่อว่า “พิกัดเทียนทั้งห้า”  ยาตำรับนี้มีสรรพคุณ สามารถช่วยบำรุงระบบและสมอง เสริมความจำ ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น คลายความเครียด ลดความวิตกกังวล ทำให้อารมณ์แจ่มใส และยังช่วยให้นอนหลับง่ายและหลับสนิทยิ่งขึ้น

สมุนไพรเทียนทั้ง 5 ประกอบขึ้นจากตัวยาสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่…

เทียนดำ มีสรรพคุณ บำรุงโลหิต ขับลมในลำไส้ แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว หน้ามืดตาลาย ขับเสมหะ ทำให้รู้สึกสดชื่น เทียนดำมีกลิ่นหอมฉุน มีรสชาติเผ็ด ขม ให้ความรู้สึกร้อน คล้ายๆ กับเครื่องเทศ

เทียนขาว มีสรรพคุณ แก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียนแก้อาการจุกเสีย มีลมในกระเพาะและในลำไส้ ขับลมเสียดแทงภายใน ขับเสมหะ แก้ดีพิการ และยังสามารถใช้ขับระดูขาวในคุณสุภาพสตรีได้อีกด้วย

เทียนแดง มีสรรพคุณ เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต แก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน แก้ลมเสียดมีอาการจุกแน่นในท้อง

เทียนข้าวเปลือก มีสรรพคุณ เป็นยาบำรุงกำลัง ขับลมในท้องและลำไส้ ทำให้หายจุกแน่นท้อง  ขับเสมหะ แก้ชีพจรอ่อนชีพจรพิการ แก้อาการนอนสะดุ้งตอนกลางคืน ทำให้หลับสนิท

เทียนตาตั๊กแตน  มีสรรพคุณ บำรุงธาตุ ทำให้สุขภาพแข็งแรง และเกิดความสมดุล ขับเสมหะ ทำให้รู้สึกสดชื่น ขับลม แก้ปัญหาเลือดกำเดาไหล ดูแลเส้นเลือดให้มีความยืดหยุ่นไม่เปราะแตกง่าย

นี่คือสมุนไพรไทยที่มีชื่อว่า เทียนทั้ง 5 ซึ่งเป็นยาดีที่น่ามีเอาไว้ใช้ภายในบ้าน และควรรับประทานเป็นประจำ ทำให้ร่างกายแข็งแรง สามารถบำรุงสมองและระบบประสาท ทำให้เรามีสติแจ่มใส แก้ปัญหาในเรื่องหลอดเลือด สามรถช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ขับลมขับเสมหะ

พ.ย. 172012
 

ถ้าหลายคนติดตามเว็บนี้มาเป็นประจำคงจำกันได้นะครับ ว่าผมเคยเขียนเรื่องกระเจี๊ยบไว้ในตอน “กระเจี๊ยบ สมุนไพรสีสดใส รสชาติถูกใจ“แต่กระเจี๊ยบที่ผมพูดถึงในตอนนั้นคือกระเจี๊ยบแดง ซึ่งส่วนใหญ่คนมักจะนำไปเป็นเครื่องดื่ม แต่ยังมีกระเจี๊ยบอีกชนิดหนึ่งที่ผมยังไม่ได้พูดถึงนั่นคือกระเจี๊ยบเขียว นั่นเอง สำหรับกระเจี๊ยบเขียวในบ้านเราจะนิยมนำไปลวกจิ้มกับน้ำพริก เชื่อว่าหลายคนก็คงก็เคยทาน ตามตลาดร้านที่ขายน้ำพริกผักลวกก็มีให้เห็นบ่อยๆ ยังไงก็ลองหาทานกันดูนะครับ เพราะนอกจากรสชาติจะดีแล้ว ยังมีสรรพคุณด้านสมุนไพรอีกมากเลยทีเดียว ก่อนที่จะบอกว่ากระเจี๊ยบเขียวมีสรรพคุณอะไร ขอแนะนำชื่อเสียงเรียงนามและลักษณะของพืชชนิดนี้ก่อนนะครับกระเจี๊ยบเขียว

ชื่อทั่วไป  กระเจี๊ยบเขียว หรือ  Lady ‘ s Finger (แปลตรงตัวคือเล็บมือนางนั่นเอง แต่ต้นเล็บมือนางของไทยเป็นอีกต้นหนึ่งนะครับ)

ชื่อวิทยาศาสตร์ Abelmoschus esculentus Moench.

ชื่อวงศ์   MALVACEAE

ชื่ออื่น กระเจี๊ยบมอญ กระเจี๊ยบ มะเขือมื่น ส้มพม่า มะเขือหวาย มะเขือมอญ มะเขือพม่า มะเขือละโว้ กระต้าด ถั่วเละ กระเจี๊ยบขาว

 ลักษณะของกระเจี๊ยบเขียว

  • ลำต้น  มีขนหยาบและมีความสูงประมาณ 1-2  เมตร
  • ใบ       ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยว คล้ายฝ่ามือเรียงสลับกัน และมีขนหยาบ
  • ดอก   มีสีเหลือง ที่โคนกลีบด้านในมีสีม่วงออกแดง ออกตามซอกใบ ก้านชูเรณูรวมกันเป็นลักษณะคล้ายหลอด
  • ฝัก      คล้ายนิ้วมือผู้หญิง (ดังชื่อในภาษาอังกฤษ) ตามฝักมีขนอ่อนๆทั่วฝัก มีสันเป็นเหลี่ยมตามยาว 5 เหลี่ยม ฝักกระเจี๊ยบมีทรงยาวสีเขียว ฝักอ่อนมีรสชาติหวานกรอบอร่อย ส่วนฝักแก่จะมีเนื้อเหนียว

การนำกระเจี๊ยบเขียวไปประกอบอาหาร

กระเจี๊ยบเขียวนอกจากใช้ลวกจิ้มเป็นเครื่องเคียงกับน้ำพริก ยังใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด  เช่น  แกงส้ม  แกงใส่ปลาย่าง  สุดแต่จะนำไปประยุกต์ สำหรับคนไม่เคย รับประทาน กระเจี๊ยบเขียว อาจจะรับประทานได้ยากกันสักหน่อย  เพราะ ฝักของมัน ข้างในจะมี ยางเมือก ๆ หุ้มเมล็ดอยู่ แต่ทานบ่อยๆจะชินเอง คนสมัยก่อนนิยมเอาไป ต้ม หรือ ต้มราดกะทิสด (การราดกระทิสดบนผักเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งในการดึงวิตามินที่ละลายในไขมันได้ให้ออกมาจากผักให้ร่างกายดูดซึมให้ใช้ได้ง่ายยิ่งขึ้น) กระเจี๊ยบเขียวหากกินกับ น้ำพริกกะปิ ปลาทู จะให้รสชาติที่ดีมากๆ ลองทานดูได้นะครับ

สรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทย
กระเจี๊ยบเขียว เป็นพืชที่มีคุณสรรพคุณด้านสมุนไพรในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin) และกัม (Gum) ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้  รักษาความดันให้เป็นปกติ เป็นยาบำรุงสมอง มีสรรพคุณเป็นยาระบายและสามารถแก้โรคพยาธิตัวจี๊ดได้ด้วย แต่ต้องรับประทานติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย15วัน(แต่ข้อนี้ผมแนะนำให้ใช้ยาแผนปัจจุบันมากกว่า)

นอกจากนั้นยังมีสูตรการทานกระเจี๊ยบเขียวเป็นยาสมุนไพรต่างๆดังนี้

รับประทานฝักกระเจี๊ยบ 10 -15 ฝัก ตอนเย็นหรือก่อนนอน สามารถ ลดอาการท้องผูก
รับประทาน 3 – 5 ฝัก ก่อนอาหาร ทุกวัน สามารถ รักษา แผลในกระเพาะอาหาร
รับประทาน 10 – 15 ฝัก ทุกวัน สามารถ บำรุงตับ
รับประทาน 5 ฝัก ก่อนอาหาร 3 มื้อ ติดต่อกันทุกวัน สามารถ กำจัด พยาธิตัวจี๊ด
รับประทาน 30 – 40 ฝัก ตอนเย็น หรือ ก่อนนอน สามารถ ดีท็อกซ์ลำไส้ ขับสารพิษ อุจจาระตกค้าง

คุณค่าทางโภขนาการของกระเจี๊ยบเขียว    

กรเจี๊ยบเขียวเส้นมีใยอาหารตามธรรมชาติ ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย  มีแคลเซียมช่วยในการบำรุงกระดูกและฟัน และยังมี วิตามินต่างๆสูง และนอกจากนั้นยังมีโฟเลตสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง บำรุงสมอง และจำเป็นต่อทารกในครรภ์