ผักผลไม้ 5 สี มีดีอย่างไร

 ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย  ปิดความเห็น บน ผักผลไม้ 5 สี มีดีอย่างไร
พ.ย. 052012
 

วันนี้ผมเองได้มีโอกาศพาคุณแฟน ไปทานสุกี้้ด้วยกันที่ร้านแห่งหนึ่ง ขอไม่ระบุชื่อร้าน เพราะไม่ได้ค่าโฆษณา แต่ถ้าท่านเจ้าของร้านอักษรย่อ ฮ.พ.อยากให้ระบุก็บอกนะครับ ไม่คิดเงิน แค่ทานฟรีสัก 1 ปี  ชักจะไหลลงทะเลไปเรื่อยเข้าเรื่องดีกว่า ที่ผมเกริ่นมาแบบนี้ไม่ได้จะรีวิวอาหารแต่อย่างใดเพราะคงไม่เกี่ยวกับเว็บด้านสมุนไพรอย่างเว็บเรา แต่สิ่งที่เกี่ยวเป็นเรื่องของกระดาษรองจาน ใช่ครับผมพูดไม่ผิด คือว่ากระดาษรองจานของที่ร้านนี้ได้ทำขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งได้พูดถึงคุณประโยชน์ของ “ผักผลไม้ 5 สี” เห็นแล้วน่าสนใจดีจึงได้หาข้อมูลเพิ่มเติม    แต่จริงๆผมว่าคำว่าผักผลไม้ 5 สี หลายคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วล่ะ โดยเฉพาะในช่วงหนึ่งที่บริษัทขายตรงรายใหญ่ ได้เอาเรื่องนี้มาโฆษณา แต่เพื่อความกระจ่างและความชัดเจนมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามาเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ ว่า..พืชผักผลไม้ 5 สีมีดีอย่างไร ? และทำไมต้อง 5 สี 7สีได้ไหม? ทุกคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เรามีคำตอบครับผักและผลไม้5สี

Q: ทำไมต้อง 5 สี (5สี มีที่มาอย่างไร)

A: จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ คือมีคนได้ลองจัดกลุ่มของผัก ผลไม้ที่พบในชีวิตประจำวัน พบว่าหากจัดเป็นกลุ่ม ตามสีภายนอก จะได้กลุ่มหลักใหญ่ๆทั้งหมด 5 กลุ่มอันได้แก่ สีแดง สีขาว สีเหลือง(ส้ม) สีขียว และสีม่วง จึงเป็นที่มาของขบวนการ 5 สีโกเรนเจอร์ แต่ถามว่าสีอื่นๆล่ะมีไหม ตอบว่ามีครับแต่จะถูกจัดเข้ากลุ่มสีอื่นๆโดยปริยาย เช่น สีดำ ซึ่งไม่ค่อยจะมีพรรคมีพวก ก็จะถูกจัดไปอยู่กับสีม่วง แต่มันก็เป็นส่วนน้อยจริงๆ ดังนั้นจึงจัดได้กลุ่มใหญ่ๆเป็น 5 สี แถมแต่ละสีเมื่อศึกษาลงลึกไปอีกจะพบว่ามีสารอาหาร หรือแร่ธาตุที่แตกต่างกัน

Q:แต่ละสี มีสารอาหารอะไรบ้าง และมีคุณค่าในด้านสมุนไพรอย่างไร

A: แตกต่างครับ ถ้าจะตอบคงยาวแต่เพื่อแฟนๆเว็บเรา เราทำได้อยู่แล้วผมจะขอไล่ทีละสีนะครับ

ผักและผลไม้ที่มีสีแดงสีแดง พืชผักผลไม้ที่มีสีแดงก็พวก แอปเปิ้ล สตอรเบอรี่  ซึ่งจะมีมีสารแอนโธโซยานิน (anthocyanin) และมีเม็ดสีในกลุ่มฟลาวนอยด์ จึงทำให้ผลไม้เหล่านี้มีสีแดงสดใสน่ารับประทาน และนอกจากนั้นยังมีสารไลโคปีน(lycopene)ซึ่งมีคุณสมบัติด้านสมุนไพรสำคัญคือ  ช่วยยั้บยั้งและป้องกัน การเกิดมะเร็ง ในต่อมลูกหมากได้   และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์  ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง  ให้วิตามินซีสูง ช่วยป้องกัโรคเลือดออกตามไรฟัน  ช่วย ระบบขับถ่าย ปัสสาวะอักเสบ  และช่วยในเรื่องความจำ

สีเขียว สีนี้พบมากที่สุดโดยเฉพาะในผักต่างๆ เช่นพวกผักคะน้า ผลไม้ที่ทานได้ทั้งเปลือกเช่นฝรั่ง ชมพู่เขียว โดยจะมีสารออกฤทธิ์ในพืช เช่น ลูทีนผักและผลไม้ที่มีสีเขียว (lutein) อินโคเลส ซีแซนทีน และวิตามินเค รวมทั้งมีคลอโรฟิล (chlorophyll)ซึ่งสารเหล่านี้มีสรรพคุณด้านสมุนไพรที่สำคัญคือทำหน้าที่ในการจับออกซิเจนเพื่อพาไปยังเนื้อเยื่อหรือเซลล์ต่างๆในร่างกาย  ช่วยในการสร้างพลังงาน ช่วยกำจัดสารตกค้างในร่างกาย ลดการสะสมของสารพิษ  บำรุงสายตา

ผักและผลไม้ที่มีสีม่วงสีน้ำเงินหรือม่วง ถ้าในยกตัวอย่างในผักก็พวกกะหล่ำม่วง องุ่น โดยจะมีแอนโธไซยานิน (anthocyanin) และ ฟิโนลิค (phenolic) สรพพคุณด้านสมุนไพรคือช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ เสริมสร้างการทำงานของสมอง ลดการอักเสบของผิว และแอนดีออกซิเดนท์จับสารอนุมูลอิสระ มีอัลฟาและเบต้าแคโรทีน ป้องกันมะเร็ง และเสริมสร้างวิตามินซี และสารฟลาวโวนอยด์ ป้องกันมะเร็ง และหลอดเลือดหัวใจ
ลดความเสี่ยงต่อการโรคหัวใจ มะเร็ง และอัลไซเมอร์  ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายปัสสาวะ ช่วยเรื่องความจำ  ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์  ช่วยในการมองเห็น  และยังสามารถป้องกันมะเร็งบางชนิด

สีขาว จะพบได้ในผักบางชนิดเช่นผักกาดขาว  ผลไม้ที่มีเนื้อสีขาว ยกตัวอย่างก็พวกมังคุด ลำไย กล้วย อุดมไปด้วย อัลลิซีน (allicin) ซึ่งจะช่วยผักและผลไม้ที่มีสีขาวยับยั้งการเกิดมะเร็งบางชนิด  ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย  ลดคอเลสเตอรอล และยังควบคุมความดันเลือด

ผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองสีหลืองหรือสีส้ม เอาแบบเห็นชัดหน่อยก็พวกแครอท ส้ม โดยพืชพวกนี้ มีเบต้าแคโรทีน( beta carotene )และเบต้าคริพโทแซนทิน (beta cryptoxanthin)ในระดับที่สูงสูง เมื่อเข้าสู่ร่างกาย แล้วจะแปรเปลี่ยนเป็น วิตามินเอ ซึ่งมีสารแคโรทีนนอยด์ (carotenoid)  ช่วยบำรุงสายตา  ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดและลำไส้ เสริมสร้างการทำงานของระบบประสาท  ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันประสาทตาเสื่อม ช่วยบำรุงผิวพรรณ

Q:ถ้าพืชมีสองสีในหนึ่งเดียวล่ะจะนับว่าพืชชนิดนั้นเป็นพืชสมุนไพรในกลุ่มสีอะไร

A:  ผักหรือผลไม้เขาจะแบ่งสีโดยนับที่ส่วนที่กินได้ครับ เช่นลิ้นจี่เปลือกสีแดง แต่เนื้อในขาว อันนี้จะถูกจัดเป็นสีขาวนะครับไม่ใช่สีแดงเหมือนพวกสตอร์เบอรี่  หรือแตงโมเปลือกเขียวแต่เนื้อแดงก็ถูกจัดเป็นสีแดง แต่ถ้าก้ำกึ่งเช่นฝรั่ง เนื้อในมีสีขาว เปลือกสีเขียวก็จะถูกจัดเป็นทั้งสองสี เข้าได้กับทุกขั้วการเมือง

Q: จำเป็นหรือไม่ที่ทุกมื้อต้องทานให้ได้ 5 สี เพราะเห็นหลายคนบอกว่าจำเป็น

A:  ตอบแบบวิชาการหน่อยคือทำได้ก็ดี แต่ถ้าตอบแบบความเป็นจริงคือทุกคนคงทำได้ยาก ที่มื้อหนึ่งเราจะทานผักผลไม้ครบ 5 สี ฉะนั้นไม่ต้องคิดมาก ถึงขนาดต้องไปซื้ออาหารเสริมสารสกัด5สี มาทาน ทานมื้อนี้ได้สีเขียวกับขาว มื้อหน้าได้สีเหลือง วันมะรืนได้สีแดง อันนี้ผมก็ถือว่าโอเคแล้ว ค่อยๆสะสมไปเหมือนสะสมแสตมป์เซเว่น เดี๋ยวก็ครบ 400 ดวงแลกเก้าอี้ได้ เอ๊ยไม่ใช่เดี๋ยวก็ได้คุณค่าครบถ้วนเอง หลักการทานง่ายๆที่ทำให้ได้สารอาหารครบถ้วนที่อยากฝากไว้คือคือ “ทานอาหารให้หลากหลาย” ลองชิมของแปลกๆใหม่ๆบ้าง จะดีต่อชีวิตเรา ไม่ใช่รู้ว่าส้มดี จะทานแต่ส้มทุกมื้อ ต้องหาอะไรมาสับเปลี่ยนบ้าง ไม่งั้นพืชผักสมุนไพรอื่นๆน้อยใจแย่เลย

เป็นไงครับกับบทความในวันนี้ ถ้าชอบก็กดไลค์หรือ comment กันมาได้นะครับ ผมสัญญาจะผลิตบทความดีๆด้านสมุนไพรมาให้ทุกคนติดตามเรื่อยๆ

ขอขอบคุณภาพประกอบสวยๆจาก www.rainbowcolors.org  , wikipedia , และกระดาษรองจานร้านสุกี้อักษรย่อ ฮ.พ. ที่ให้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้  หากท่านใดประสงค์นำบทความนี้ไปลงที่ web อื่น ผมไม่หวง แต่รบกวนใส่ลิ้งค์กลับมาที่  http://ไทยสมุนไพร.net  ด้วยนะครับ

 

ต.ค. 022012
 

มะละกอ จริงๆแล้วจะว่ามะละกอเป็นพืช สมุนไพรไทย คงจะไม่ค่อยถูกนัก เพราะอะไร เพราะมะละกอเดิมเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกา (มาไกลแฮะ) ตอนมาก็หอบเสื่อผืนหมอนใบเข้ามาปัจจุบัน ออกลูกออกหลาน ขยายพันธ์เต็มบ้านเต็มเมืองเราได้ เริ่มต้นนั้นชาวยุโรปนำเข้ามาผ่านเรือสินค้าปัจจุบันก็กระจายกันไปจนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะบ้านเรามะละกอขึ้นชื่อมาก จนบางทีหลายคนคิดว่าถิ่นกำเนิดมาจากบ้านเรา อ้อฝรั้งนั้นรู้จักชื่อเสียงของมะละกอบ้านเราดี ในแง่ของการนำไปทำส้มตำหรือ papaya pok pok          (ปาปาย่า ป็อก ป็อก )    ไม่เชื่อ seach google ดูโดยใช้คำว่า papaya pok pok มีแต่เว็บฝรั่งทั้งนั้น)

ชื่อเรียกโดยทั่วไป papaya
ชื่อวิทยาศาสตร์ Carica papaya L.
วงศ์  CARICAEAE
ชื่อเรียกตามท้องถิ่น  ในข้อมูลไม่บอกไว้ด้วย รู้แต่ว่า ภาคกลางเรียก มะละกอ ภาคอิสานเรียก บักหุ่ง (ใครพอรู้ของภาคอื่นๆ post ไว้ที่ comment หน่อยนะครับ)

ลักษณะทั่วไปของมะละกอ

ลักษณะของ ต้นมะละกอลำต้น เป็นพรรณไม่เนื้ออ่อน ไม่เหมาะแก่การนำมาสร้างบ้าน (แหงล่ะ) บางต้นสูงได้ถึง 8 เมตร ทีเดียว ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ลำต้นตรง ก้านใบแตกออกมาลำต้นโดยตรง
ใบ เป็นแฉก มีรอยเว้าเล็กๆ คล้ายขนนก ใบมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 60 เซนติเมตร
ดอก มะละกอก็มีดอกนะครับถ้าไม่สังเกตจะไม่ค่อยเห็น ดอกตัวผู้มีสีเหลืองออกเขียว กลีบดอกบางยาว 2 ซม.ดอกตัวเมียไม่มีก้านดอก ยาว 7 เซนติเมตร เป็นดอกเดี่ยวและกระจุก กลีบดอกสีขาวเหลือง
ผล กลมยาวรี ผลดิบภายนอกมีสีเขียวเนื้อในสีขขาว เมื่อสุงอมจะมีสีเหลืองส้ม เนื้อหนานุ่ม น่ารับประทาน รสหวานฉ่ำ มีเมล็ดสีดำผิวขรุขระอยู่ด้านใน

สรรพคุณทาง สมุนไพรไทย
– นำผลดิบและผลสุกมาต้มกินเป็นยา ขับน้ำดี(ช่วยในการย่อยไขมัน) ขับน้ำเหลือง บำรุงน้ำนม ขับพยาธิ รักษาโรคริดสีดวงทวาร แบบไม่ต้องง้อยาริดสีดวงทวารตรา ปลามังกรคู่
– ผลสุกเป็นยาแก้ท้องผูกที่ดีมากๆ เป็นยาระบายชั้นดี
– นำเนื้อสุกมาปั่นพอกหน้าเพิ่มความชุ่มชื้น ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่เรื่อง “รวมสูตรสมุนไพร เพื่อการบำรุงผิวหน้าง่ายๆที่บ้าน

มะละกับการประกอบอาหาร และคุณค่าทางอาหาร
– มะละกอเอามาทำอาหารได้หลากหลาย แต่ถ้ามะละกอดิบ แน่นอนส้มตำส้มตำ หรือ papaya pok pok
– อย่าคิดว่ามะละกอดิบจะทำส้มตำได้อย่างเดียว หั่นเป้นแว่นๆพอคำ ใส่แกงส้มปลาช่อน ที่ไม่ใช่แกงส้มAF ได้
-มะละกอสุก นำมาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด หั่นเป้นชิ้นเล็กๆ นำไปปั่นผสมน้ำตาล หรือน้ำเชื่อม และใส่เกลือเล็กน้อย คลายร้อนได้อย่างดี
-มะละกออุดมไปด้วย

> แคลเซี่ยม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน

> วิตามินซี เป็น สารต้านอนุมูลอิสระ (คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้) และช่วยป้องกันเลือดอกตามไรฟัน

> วิตามินเอ บำรุงสายตาและระบบประสาท
นี่แหละครับคือคุณค่าของมะละกอที่ผมเอามาฝาก อ่านบทความจบแล้วจะไปหามะละกอสักลูกมาทานก็ไม่ว่ากันครับ ทานเผื่อผมด้วย

ข้อมูลอ้างอิง herb&healthy  ,thai wiki

หากท่านใดต้องการเอาบทความนี้ไปเผยแพร่ต่อผมไม่หวงครับ แต่ขอความกรณาลง link ที่มา จาก web                                                                                                                    http://ไทยสมุนไพร.net  ให้ด้วยนะครับ

 

 

ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผลไม้ไทยที่ให้คุณค่าสูง

 ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย  ปิดความเห็น บน ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผลไม้ไทยที่ให้คุณค่าสูง
ก.ย. 302012
 

ผลไม้ไทย อุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ                  ผมอยากให้ทุกคนหันมาทานผลไม้ครับ เพราะมีผลไม้มากมายที่พวกเราควรรับประทานให้มากและบ่อย ขอย้ำอีกครั้งว่ามากและบ่อย สาเหตุเพราะป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุหลายๆชนิดซึ่ งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ที่จะทำให้มีสุขภาพทีดี เช่น ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่ายและนำสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย และที่สำคัญผลไม้เหล่านี้มักจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนติออกซิแด้ท์ (antioxidant)  ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกายเราอย่างมาก  ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเองช่วย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอื่นๆอีกมาก

เพิ่มเติมข้อมูลอีกนิด   สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) คือ เป็นสารที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้พวกอนุมูลอิสระก่อตัวขึ้น โดยจะทำการยับยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ และหยุดการก่อตัวใหม่ของอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากตัวอนุมูลอิสระที่ไปทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งช่วยกำจัดและแทนที่โมเลกุลที่ถูกทำลาย

ปัจจุบันนักวิจัยให้หันมาศึกษาวิจัยผลไม้ไทยที่เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มสมุนไพรไทยเป็อย่างมาก โดยนำไปวิจัยโดยกระบวนการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น (ตรงนี้พูดรวมไปถึงสมุนไพรไทยต่างๆด้วย)ทำให้คนไทยได้ตะหนักถึงคุณประโยชน์ของผลไม้ไทย และใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงย่างเข้าสู่การเริ่มต้นเปลี่ยนฤดูกาล ถ้าไม่รู้จักดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงเข้าไว้   การเจ็บไข้ได้ป่วยมาเยือนทันที แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย ที่เกิดมาในดินแดนที่มีภูมิประเทศอันอุดมสมบูรณ์ มีผลไม้ได้รับประทานกันทั้งปี พูดมาซะยาววันนี้ผมเลยจะมาแนะนำ 6 ผลไม้ ที่อุดมไปด้วยสารอนุมูลอิสระ


1. ฝรั่ง ผมเคยพูดถึงผรั่งไปแล้วในแง่ของสมุนไพรไทย ไปตามอ่านกันได้ที่ตอน ฝรั่ง ผลไม้หาทานง่าย ได้ประโยชน์

ฝรั่ง

อะไรที่พูดแล้วจะไม่พูดซ้ำ แต่จะพูดถึงในแง่ของสารต้านอนุมูลอิสระแล้วกันนะครับ    ฝรั่งนั้นเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี   สูงมากจนน่าทึ่ง  (141- 156 มิลลิกรัม/100 กรัม) มากกว่าส้มถึง 5 เท่า  และฝรั่งยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งทั้งวิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ต่างก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันอันตรายต่อเซลล์ และป้องกันหลอดเลือดอุดตัน พร้อมทั้งโพแทสเซียมที่ทำให้ความดันเลือดเป็นปรกติ นอกจากคุณค่าที่มากแล้วข้อดีของฝรั่งอีกอย่างคือ ราคาถูกนั้นเองครับ

2.มันเทศ (บ้านผมเรียกมันแกว)  พูดถึงมันเทศนั้น ยอดมันเทศมีสารต่างๆที่เป็นประโยชน์อยู่มากเช่น

– ฟีลอลิค Phenolic 429.19 มก.   สารประกอบฟีนอลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งสามารถมีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือด และมะเร็ง

– แทนนิน 90.23 มก.  แทนนิน มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย และเชื้อราได้ ใช้เป็นยา แก้ท้องร่วง แก้บิด สมานแผล แผลเปื่อย

โดยรวมมันเทศมี ดรรชนีแอนติออกซิแด้นท์ที่  2.32

3.มะกอก (ที่ไม่ใช่มะเหงก) มะกอกเป็นพืชสมุนไพรตัวหนึ่งที่คนไทยนิยมปลูก ให้ผลดก สามรถทำเป็นน้ำมันนมะกอกได้ อย่างน้อยคนที่เคยทานส้มตำปูปราร้า ต้องเคยใส่มะกอกบ้างแหละ มะกอกมีสารต่างที่มีคุณค่าดังนี้

– ฟีลอลิค Phenolic 712.85 มก.

– แทนนิน 123.18  มก.

และมีวิตามินซี 17.62 มก. มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 2.12


4.มะขาม พืชสมุนไพรไทย ตัวนี้ไม่ขอแยะยำมากเพราะ เคยเขียนเรื่องของมะขามในแง่สมุนไพรไว้

แล้ว ลองตามอ่านที่ มะขาม ผลไม้สมุนไพรมากคุณค่า  แต่จะขอสรุปสารต่างๆที่มะขามมีดังนี้

– ฟีลอลิค Phenolic 120.90 มก.

– แทนนิน 77.03  มก.

มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 1.26

5.มะตูม แต่ก่อนนั้นยอดมะตูมถือเป็นผักร่วมสำหรับอาหาร แต่เดี๋ยวนี้คงพบเห็นได้น้อยแล้ว แต่ที่เราคุ้นเคยจะเป็นในรูปของ น้ำมะตูม หรือชามะตูมมากกว่า ไม้งั้นก็ผลิตภัณฑ์จากมะตูมที่แปลรูปแล้ว (ตามร้าน OTOP)

แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปไหนมะตูมก็มีคุณค่าในตัวมันเอง โดยที่มะตูมมีค่าของดัชนีต้านดรรชนีอนมูลอิสระ หรือดรรชนีแอนติออกซิแด้นท์ (antioxidant Index)  ถึง 6.10

6.ฟักทองเป็นทั้งผัก และผลไม้ที่เรารู้จักกันดี ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ผมก็กำลังทานสังขยาฟักทองไปด้วย

สำหรับคุณค่ามนการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของฟักทองนั้นตัวหลักเลยคือวิตามินซี มีสูงถึง 24.78 มก.

-มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 1.00

ทั้งหมดนี้คือ ผลไม้สมุนไพรไทย 6 อย่าง ที่ผมนำมาฝาก จริงๆแล้วพวกผักหลายตัวก็มีสาร แอนติออกซิแดนท์เหมือนกันนะครับ ไว้จะเล่าให้ฟังวันหลัง  อย่าลืมทานผลไม้เยอะๆนะครับ  อุดหนุนเกษตรกรไทยด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ Herb&Healthly Vol4. และ สารานุกรมอาหาร www.foodworksolution.com