ต.ค. 102012
 

หากพูดถึงผลไม้ที่เนื้อในเป็นสีเหลือง หลายคนคงบอกว่ามีเยอะ ถ้าถ้าบอกว่า พืชที่เป็นทั้งผักและผลไม้ และมีสีเหลืองหล่ะ แน่นอนคำตอบคือหัวข้อของเราในวันนี้ ฟักทองนั่นเองครับ สำหรับฟักทองนั้นเราสามารถใช้เป็นผักได้เช่นเอามาแกง อย่างนี้เขาเรียกฟังทองเป็นผัก แต่ถ้าเอามานึ่งทานทำขนม อันนี้จะกลายเป็นผลไม้ทันที แต่ไม่ว่าจะเป็นผักหรือผลไม้ ฟักทองนั้นเป้นพืชที่มีคุณค่าสูงตัวหนึ่งที่เราควรทำความรู้จัก ทั้งในแง่ของสารอาหารและในแง่ของพืช สมุนไพรไทย

มารู้จักกับฟักทองกัน

ฟักทองชื่อโดยทั่วไป  ฟักทอง , Pumpkin

ชื่อทางวิทยาศาสตร์   Cucurbita maxima Duchesne.

ชื่อวงศ์   CUCURBITACEAE

ชื่อตามภูมิภาคหรือตามท้องถิ่น

หมากอึ (ภาคอิสาน) มะฟักแก้ว (ภาคเหนือ) มะน้ำแก้ว (เลย) น้ำเต้า (ภาคใต้) หมักอื้อ (เลย-ปราจีนบุรี) หมากฟักเหลือง (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) เหลืองเคล่า หมักคี้ล่า

ลักษณะของฟักทอง

ต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุก(สู้ไม่ถอยอีกแล้ว)  ที่มีลำต้นเป็น เถาอาศัยเลื้อยไปตามพื้นดิน หรือหลักยึดต่างๆเช่นริมรั่ว หรือค้างที่คนทำไว้ให้  ตามเถาจะมีมือเอาไว้เกาะยึดสิ่งต่างๆ เพื่อความมั่นคงของต้น เถามีขนาดยาว ใหญ่ และมีขน ปกคลุม อยู่ มีสีเขียว

ใบ ออกใบเดี่ยว ตามลำเถา ใบของฝัก ทองเป็นแผ่นใหญ่สีเขียว แยกออกเป็น 5 หยักและมีขนสาก ๆ มือ ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งใบ

ดอก ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ และที่ ส่วนยอดของเถา ลักษณะของดอกเป็นรูปกระดิ่ง หรือระฆังสีเหลือง ในดอกตัวเมียเมื่อบานเต็มที่แล้ว จะมองเห็นผลเล็กๆ เป็นกระเปาะติดอยู่ใต้ดอก

ผล มีขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นพูกลมจะมี ส่วยใหญ่เป็นทรงแบน และมีทรงสูงอยู่บ้าง เปลือกของผลจะแข็ง ผิวลักษณะขรุขระ มีทั้งสีเขียวหรือสีน้ำตาลแดงก็ตามแต่พันธ์ของฟักทอง เนื้อในผลสีเหลือง มีเมล็ดสีขาว  นึกไม่ออกนึกถึงเมล็ดฟักทองตามือ (เจ้าของบริษัทผ่านมาอ่าน ขอค่าโฆษณาด้วยนะครับ)

คุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทยของฟักทอง

เนื่องจากประโยชน์ของฟักทองมีมากมายจริงๆ จึงขอแยกย่อยเป็นข้อๆและคัดมาเฉพาะส่วนสำคัญให้ได้อ่านกัน

1.ฟักทองนั้นเป็นพืชที่ให้พลังงานต่ำ อาจขัดกับความคิดของหลายๆคน แต่จากการวิจัยเทียบกับพืชชนิดอื่นถือว่าต่ให้พลังงานต่ำ มีไขมันน้อย จึงเหมาะแก่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก (ทานฟักทองเป็นมื้อหลักช่วยควบคุมน้ำหนักได้ แต่ทานฟักทองเป็นของหวาน หลังจากทานข้าวขาหมูเสร็จ ฟักทองไม่ช่วยอะไรนะครับ) อีกทั้งฟักทองยังมีกากไยมากสามรถช่วยระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี

2.คาร์โบไฮเดรตในฟักทอง ช่วยรักษาและบรรเทาอาการ แผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ในส่วนบนได้ด้วย คนที่เป็นโรคกระเพาะแนะนำเลยครับ ทานฟักทองนึ่งไปไม่ผิดหวัง อาการปวดท้องของท่านจะบรรเทาเบาบาง แบบไม่ต้องพึ่งแอนตาซิล (เชยเนาะสมัยนี้เขาต้อง กราวิสคอนแล้ว) แต่ถ้าเป็นมากๆแนะนำให้หาหมอนะครับ

3.จากการวิจัยพบว่า สามารถช่วยบรรเทาอาการหอบหืดที่เกิดจากหลอดลมอักเสบในผู้สูงอายุได้

4.หากรับประทานฟักทองทั้งเปลือกจะสามรถกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งสารตัวนี้เป็นสารที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย หากขาดสารตัวนี้ หรือการหลั่งอินซูลินผิดปรกติ จะทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้การรับประทานทั้งเปลือกยัง สามรถควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพได้อีกด้วย

5.ในฟักทองมีคอลลาเจนตามธรรมชาติ จะช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส (แต่ไม่ถึงขั้นขาววิ้งนะครับ)

6.สตรีหลังคลอดบุตรหากทางฟักทอง ซึ่งตามตำราสมุนไพรไทยเขาเรียก”มีฤทธิ์อุ่น” จะช่วยย่อยอาหารทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลัง และลดการอักเสบ แก้ปวดได้ดีมากๆ

นี่แหละครับประโยชน์ของผลฟักทอง แต่ยัง ยังไม่หมดนอกจากผลแแล้วส่วนอื่นๆของฟักทองก็มีประโยชน์ไม่น้อย ลองมาดูกัน

  • ใบอ่อนของฟักทอง (ใบแก่ไม่พูดถึงนะครับเพราะทานลำบาก) เชื่อหรือไม่ว่าในใบอ่อนมีวิตามินซีสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง นอกจากนั้นยังมีฟอสฟอรัส สูงกว่าในเนื้อฟักทองเสียอีก
  • ดอกของฟักทอง ในดอกมีวิตามิน A แคงเซียม และฟอสฟอรัส แถมยังมีวิตามินซีด้วยเล็กน้อย
  • เมล็ดฟักทอง ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน และที่สำคัญยังมีสารที่ชื่อ คิวเคอร์บิตาซิน ( Cucurbitacin ) สารตัวนี้สามรถกำจัดพยาธิจำพวกพยาธิตัวตืดได้อีกด้วย และเมล็ดฟักทองยังมีสรรพคุณขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว และป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เป็นอย่างดี
  • น้ำมันจากเมล็ดดอกฟังทอง ช่วยบำรุงประสาทได้ดี อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนบางชนิด ที่ป้องกันต่อมลูกหมาก ของท่านชายขยายใหญ่ขึ่น ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากอัณฑะให้อยู่ในระดับปรกติ
  • รากฟักทอง นำมาต้มใช้ดื่มแก้ไอได้ และยังช่วยบำรุงร่างกาย
  • เยื่อที่อยู่กลางผล ก็ส่วนที่เราคว้านทิ้งเวลาเอาฟักทองมาทำอาหารนี่แหละ ซึ่งเยื่อตัวนี้สามรถนำมาพอกแผลได้ แก้อาการฟกช้ำปวดอักเสบได้อย่างดี

การนำฟักทองไปใช้

หัวข้อนี้คงไม่ขอพูดอะไรมาก แต่ขอยกตัวอย่างเมนูบางส่วนจากฟักทองก็แล้วกัน เมนูที่แนะนำคือ แกงเผ็ดเนื้อใส่ฟักทอง  แกงเลียง ฟักทองผัดไข่ ส่วนของหวานก็มี สังขยาฟักทอง (อันนี้ชอบมากเป็นการส่วนตัว) ขนมฟักทอง บวดฟักทอง ฟักทองนึ่ง ฟักทองเชื่อม และอื่นๆที่ไม่ได้กล่าว

คำแนะนำเพิ่มเติม

– การเลือกฟักทองควรเลือกพันธ์ที่มีรสหวาน เนื้อละเอียด จะมีสรรพคุณทางยามาก (เรื่องรสหวานเนื้อละเอียดถามคนขายดูได้ถ้าเขาไม่โกหก โดยส่วนใหญ่พันธ์ผสมจะเป็นที่นิยม)

– การทานฟักทองมากเกินไปจะทำให้ผิวเหลือง แน่นท้อง ผู้รู้เขาแนะนำว่าการใส่กระเทียมเจียวกับเต้าเจี๊ยวในผัดฟักทอง จะชาวยลดการแน่นท้องลงได้

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก กรมแพทย์ทางเลือก และหนังสือ อาณาจักรพืชผัก สมุนไพรสร้างสมอง

 

ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผลไม้ไทยที่ให้คุณค่าสูง

 ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย  ปิดความเห็น บน ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผลไม้ไทยที่ให้คุณค่าสูง
ก.ย. 302012
 

ผลไม้ไทย อุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ                  ผมอยากให้ทุกคนหันมาทานผลไม้ครับ เพราะมีผลไม้มากมายที่พวกเราควรรับประทานให้มากและบ่อย ขอย้ำอีกครั้งว่ามากและบ่อย สาเหตุเพราะป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุหลายๆชนิดซึ่ งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ที่จะทำให้มีสุขภาพทีดี เช่น ใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่ายและนำสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย และที่สำคัญผลไม้เหล่านี้มักจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนติออกซิแด้ท์ (antioxidant)  ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกายเราอย่างมาก  ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเองช่วย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคอื่นๆอีกมาก

เพิ่มเติมข้อมูลอีกนิด   สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) คือ เป็นสารที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้พวกอนุมูลอิสระก่อตัวขึ้น โดยจะทำการยับยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ และหยุดการก่อตัวใหม่ของอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากตัวอนุมูลอิสระที่ไปทำลายเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งช่วยกำจัดและแทนที่โมเลกุลที่ถูกทำลาย

ปัจจุบันนักวิจัยให้หันมาศึกษาวิจัยผลไม้ไทยที่เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มสมุนไพรไทยเป็อย่างมาก โดยนำไปวิจัยโดยกระบวนการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น (ตรงนี้พูดรวมไปถึงสมุนไพรไทยต่างๆด้วย)ทำให้คนไทยได้ตะหนักถึงคุณประโยชน์ของผลไม้ไทย และใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงย่างเข้าสู่การเริ่มต้นเปลี่ยนฤดูกาล ถ้าไม่รู้จักดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงเข้าไว้   การเจ็บไข้ได้ป่วยมาเยือนทันที แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย ที่เกิดมาในดินแดนที่มีภูมิประเทศอันอุดมสมบูรณ์ มีผลไม้ได้รับประทานกันทั้งปี พูดมาซะยาววันนี้ผมเลยจะมาแนะนำ 6 ผลไม้ ที่อุดมไปด้วยสารอนุมูลอิสระ


1. ฝรั่ง ผมเคยพูดถึงผรั่งไปแล้วในแง่ของสมุนไพรไทย ไปตามอ่านกันได้ที่ตอน ฝรั่ง ผลไม้หาทานง่าย ได้ประโยชน์

ฝรั่ง

อะไรที่พูดแล้วจะไม่พูดซ้ำ แต่จะพูดถึงในแง่ของสารต้านอนุมูลอิสระแล้วกันนะครับ    ฝรั่งนั้นเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี   สูงมากจนน่าทึ่ง  (141- 156 มิลลิกรัม/100 กรัม) มากกว่าส้มถึง 5 เท่า  และฝรั่งยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งทั้งวิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ต่างก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันอันตรายต่อเซลล์ และป้องกันหลอดเลือดอุดตัน พร้อมทั้งโพแทสเซียมที่ทำให้ความดันเลือดเป็นปรกติ นอกจากคุณค่าที่มากแล้วข้อดีของฝรั่งอีกอย่างคือ ราคาถูกนั้นเองครับ

2.มันเทศ (บ้านผมเรียกมันแกว)  พูดถึงมันเทศนั้น ยอดมันเทศมีสารต่างๆที่เป็นประโยชน์อยู่มากเช่น

– ฟีลอลิค Phenolic 429.19 มก.   สารประกอบฟีนอลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งสามารถมีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคหัวใจขาดเลือด และมะเร็ง

– แทนนิน 90.23 มก.  แทนนิน มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย และเชื้อราได้ ใช้เป็นยา แก้ท้องร่วง แก้บิด สมานแผล แผลเปื่อย

โดยรวมมันเทศมี ดรรชนีแอนติออกซิแด้นท์ที่  2.32

3.มะกอก (ที่ไม่ใช่มะเหงก) มะกอกเป็นพืชสมุนไพรตัวหนึ่งที่คนไทยนิยมปลูก ให้ผลดก สามรถทำเป็นน้ำมันนมะกอกได้ อย่างน้อยคนที่เคยทานส้มตำปูปราร้า ต้องเคยใส่มะกอกบ้างแหละ มะกอกมีสารต่างที่มีคุณค่าดังนี้

– ฟีลอลิค Phenolic 712.85 มก.

– แทนนิน 123.18  มก.

และมีวิตามินซี 17.62 มก. มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 2.12


4.มะขาม พืชสมุนไพรไทย ตัวนี้ไม่ขอแยะยำมากเพราะ เคยเขียนเรื่องของมะขามในแง่สมุนไพรไว้

แล้ว ลองตามอ่านที่ มะขาม ผลไม้สมุนไพรมากคุณค่า  แต่จะขอสรุปสารต่างๆที่มะขามมีดังนี้

– ฟีลอลิค Phenolic 120.90 มก.

– แทนนิน 77.03  มก.

มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 1.26

5.มะตูม แต่ก่อนนั้นยอดมะตูมถือเป็นผักร่วมสำหรับอาหาร แต่เดี๋ยวนี้คงพบเห็นได้น้อยแล้ว แต่ที่เราคุ้นเคยจะเป็นในรูปของ น้ำมะตูม หรือชามะตูมมากกว่า ไม้งั้นก็ผลิตภัณฑ์จากมะตูมที่แปลรูปแล้ว (ตามร้าน OTOP)

แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปไหนมะตูมก็มีคุณค่าในตัวมันเอง โดยที่มะตูมมีค่าของดัชนีต้านดรรชนีอนมูลอิสระ หรือดรรชนีแอนติออกซิแด้นท์ (antioxidant Index)  ถึง 6.10

6.ฟักทองเป็นทั้งผัก และผลไม้ที่เรารู้จักกันดี ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ผมก็กำลังทานสังขยาฟักทองไปด้วย

สำหรับคุณค่ามนการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของฟักทองนั้นตัวหลักเลยคือวิตามินซี มีสูงถึง 24.78 มก.

-มีค่าดรรชนีต้านแอนติออกซแดนท์ที่ 1.00

ทั้งหมดนี้คือ ผลไม้สมุนไพรไทย 6 อย่าง ที่ผมนำมาฝาก จริงๆแล้วพวกผักหลายตัวก็มีสาร แอนติออกซิแดนท์เหมือนกันนะครับ ไว้จะเล่าให้ฟังวันหลัง  อย่าลืมทานผลไม้เยอะๆนะครับ  อุดหนุนเกษตรกรไทยด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ Herb&Healthly Vol4. และ สารานุกรมอาหาร www.foodworksolution.com